ทรัมป์ลงนามคำสั่งประธานาธิบดี ยุติสิทธิพิเศษฮ่องกง ให้ปฏิบัติแบบเดียวกับจีน

โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีคว่ำบาตรจีนที่แทรกแซงการปกครองฮ่องกงและยังยุติสิทธิพิเศษที่ฮ่องกงเคยได้รับด้วย

ต่อจากนี้ ฮ่องกงจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ ไม่มีการปฏิบัติทางเศรษฐกิจแบบพิเศษอย่างที่เคยมีให้ ไม่มีการส่งออกเทคโนโลยีที่เป็นสินค้าอ่อนไหวของสหรัฐฯ อาทิ ชิปคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งเรื่องการระงับส่งออกสินค้าอ่อนไหวด้านเทคโนโลยีนี้ Mike Pompeo รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เคยออกมาพูดถึงมาตรการยุติสถานะพิเศษของฮ่องกง ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว แต่ครั้งนี้คือการลงนามคำสั่งของทรัมป์

President Donald J. Trump boards Air Force One at Joint Base Andrews, Md. Friday, July 10, 2020, en route to Miami International Airport in Miami. (Official White House Photo by Tia Dufour)

ฮ่องกงจะถูกปฏิบัติแบบเดียวกับจีน หลังจีนออกกฎแบบ Orwellian

รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดหน้าวิพากษ์วิจารณ์จีนต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการสอดแนมของรัฐบาลจีนผ่านแอปพลิเคชัน ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ล่าสุดมาที่เรื่องฮ่องกง

ก่อนหน้านี้ Mike Pompeo ก็เพิ่งจะออกแถลงการณ์เรื่องกฎหมายใหม่ของพรรคคอมนิวส์จีนว่าเป็นการเคลื่อนไหวแบบ Orwellian (CCP’s Orwellian Censorship of Hong Kong) โดย Pompeo ระบุในถ้อยแถลงว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนทำลายเสรีภาพในฮ่องกงต่อเนื่อง กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่เป็นภาพตัวแทนการใช้อำนาจตามแบบฉบับ Orwellian 

จีนเริ่มกำจัดหนังสือที่วิพากษ์วิจารณ์จีนออกจากชั้นหนังสือในห้องสมุด เริ่มแบนสโลแกนทางการเมือง และเรียกร้องให้โรงเรียนใช้การเซ็นเซอร์ แถลการณ์ระบุว่า ทุกวันนี้ที่ฮ่องกงเจริญรุ่งเรืองได้ก็เพราะมีเสรีภาพที่จะคิดหรือพูด แต่ถ้านำกฎหมายดังกล่าวมาบังคับใช้ ก็จะทำให้ความรุ่งเรืองดังกล่าวเสื่อมสลายไป

สหรัฐฯ ขอประณามจีนที่ล้มเหลวในการทำตามปฏิญญาร่วมร่วมอังกฤษ-จีน และการทำลายล้างสิทธิและเสรีภาพของจีนต่อประชาชนชาวฮ่องกง

(Orwellian ที่ Pompeo สื่อถึง คือคำที่เรียกแทนคำบรรยายสถานการณ์หรือแนวคิดที่มีสภาพสังคมแบบที่ George Orwell ใช้เล่าวรรณกรรมบันลือโลกเรื่อง 1984 ที่อธิบายถึงสังคมปิดหรือสังคมที่มีการปกครองโดยรัฐเผด็จการที่มีการสอดส่อง สอดแนมประชาชนจากเจ้าหน้าที่รัฐตลอดเวลา มีการควบคุมสังคมผ่านโฆษณาชวนเชื่อหรือการใช้ propaganda มีการกระจายข้อมูลแบบผิดๆ หรือ missinformation ในสังคม 

ไปจนถึงการคิดสองชั้นแบบ double think คือการจะพูดถึงสิ่งใด จะไม่สามารถพูดได้ตรงๆ เพราะความหวาดกลัวว่ารัฐจะทำโทษผ่านการสอดแนม ทำให้คนในสังคมต้องคิดแบบสองชั้นตลอดเวลา โดยเวลาพูดหรือสื่อสารในสังคมต้องมีการตีความอีกครั้ง แม้จะเขียนและเผยแพร่มาตั้งแต่ปี 1949 แต่ก็เป็นวรรณกรรมเลื่องชื่อ อมตะ และสะท้อนภาพสังคมที่ปกครองโดยระบอบเผด็จการได้ชัดเจนเหนือกาลเวลา)

จีนผิดสัญญา ปฏิญญาร่วมอังกฤษ-จีน

ความบังเอิญของหนังสือวรรณกรรมเรื่อง 1984 ที่เขียนโดย George Orwell เผยแพร่ในปี 1949 บอกเล่าเรื่องราวในอนาคตในอีก 35 ปีข้างหน้าคือปี 1984 ซึ่งก็เป็นปีเดียวกับที่จีนและอังกฤษทำปฏิญญาร่วม (Joint Declaration) โดยจีนใช้อำนาจอธิปไตยเหนือฮ่องกงมีผลเมื่อ 1 กรกฎาคม 1997 

อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนจีน และจีนจะปกครองฮ่องกงแบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ กล่าวคือ จีนจัดให้ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษ ทั้งรูปแบบทางสังคมและเศรษฐกิจของฮ่องกงจะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ฮ่องกงจะมีสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเหมือนเดิม ทั้งสื่อมวลชน ทั้งการเคลื่อนไหว การศึกษา การวิจัย การเดินทาง ความเชื่อทางศาสนา จะใช้กฎหมายพิเศษในการบริหารฮ่องกง

กฎหมายและการปกครองฮ่องกงจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเวลายาวนาน 50 ปี ซึ่งถ้าปฏิญญาร่วมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1997 ปัจจุบันปี 2020 หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงกฎหมายของจีน ทำให้เห็นว่าจีนผิดคำสัญญาในปฏิญญาไป 23 ปี

แถลงการณ์จากทำเนียบขาวระบุชัดเจนว่าจีนทำผิดสัญญาตามปฏิญญาร่วม 1984 การออกกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ดังกล่าว ทำให้ชาวฮ่องกงต้องมีชีวิตราวกับอยู่ในคุก กฎหมายดังกล่าวอนุญาตให้ชาวต่างชาติถูกขับไล่ได้หากจีนมองว่ามีการกระทำที่เป็นเหตุให้สงสัย ซึ่งจะส่งผลต่อนักข่าว องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และกลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

ด้วยเหตุนี้ สหรัฐจะระงับความร่วมมือบางประการรวมทั้งกฎหมายต่างๆ ที่เคยปฏิบัติต่อฮ่องกง อาทิ การสำรวจทางธรณีวิทยา ยุติโครงการแลกเปลี่ยน Fullbright ที่เกี่ยวข้องกับจีนและฮ่องกง ยุติการงดเว้นภาษี ฯลฯ โดยสหรัฐฯ จะระงับสิทธิพิเศษรวมทั้งกฎหมายที่มีต่อฮ่องกงทั้งในแง่ความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายต่างประเทศ รวมทั้งผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจด้วย 

ที่มา – CNBC, State.Gov, White House, UN, Techcrunch 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา