‘ทรัมป์’ ต้อนรับ 5 ผู้นำเอเชียกลาง หารือความร่วมมือด้านแรร์เอิร์ธ หวังลดพึ่งพาจีน-รัสเซีย

เดินสายอย่างต่อเนื่องสำหรับประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ กับดีล ‘แร่แรร์เอิร์ธ’ แต่สำหรับรอบล่าสุด ‘ทรัมป์’ ตัดสินใจเปิดบ้านต้อนรับผู้นำ ‘เอเชียกลาง’ ด้วยตัวเองเลย

สำหรับชาติเอเชียกลางที่ ‘ทรัมป์’ คุยด้วยในรอบนี้ มีทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถาน เพื่อหารือความร่วมมือด้านแร่หายากที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี ตั้งแต่สมาร์ทโฟน ยานยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงเครื่องบินรบ

ที่ผ่านมา ประเทศกลุ่มนี้พึ่งพา ‘รัสเซีย’ และ ‘จีน’ ด้านเศรษฐกิจ และการลงทุนเป็นหลัก โดยเฉพาะจีนที่ครองการผลิต และแปรรูปแร่หายากเกือบทั้งหมดของโลก ทำให้สหรัฐฯ มองว่า ควรสร้างทางเลือกใหม่ และดึงประเทศเหล่านี้เข้ามาเป็นคู่ค้า

โดย ‘ทรัมป์’ ย้ำว่า ประเด็นนี้สำคัญมากต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

เอเชียกลาง แหล่งแร่ธาตุมหาศาล

ภูมิภาคเอเชียกลางมีทรัพยากรใต้ดินมหาศาล ทั้งยูเรเนียม ทองแดง ทองคำ และแร่แรร์เอิร์ธที่ทั่วโลกต้องการ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และสินค้าไฮเทค 

‘คาซัคสถาน’ เป็นประเทศที่ใหญ่สุดในภูมิภาค มีเศรษฐกิจแข็งแรงที่สุด และเป็นผู้ผลิตยูเรเนียมเกือบ 40% ของโลกในปี 2024

ขณะที่ ‘อุซเบกิสถาน’ ก็เป็นประเทศผู้ผลิตสำคัญเช่นกัน เพราะพอรวมกันแล้ว สองประเทศนี้ถือว่าผลิตยูเรเนียมรวมกันมากกว่าครึ่งของทั้งโลก

‘ยูเรเนียม’ สำคัญต่ออุตสาหกรรมนิวเคลียร์มาก แต่ปกติแล้วสหรัฐฯ ต้องนำเข้าจากรัสเซียราว 20% ทำให้สหรัฐฯ ที่ไม่อยากพึ่งพารัสเซีย พยายามหาแหล่งแร่ใหม่แบบเร่งด่วน

เอเชียกลาง ก็อยากลดพึ่งพา ‘รัสเซีย’ เหมือนกัน

ผลประโยชน์จากดีลนี้ไม่ได้ตกอยู่แค่ฝั่งสหรัฐฯ เพราะหลายประเทศเอเชียกลางกำลังอยากลดการพึ่งพารัสเซีย หลังสงครามยูเครนกระทบเศรษฐกิจอย่างหนัก

พวกเขาอยากดึงดูดการลงทุนจากสหรัฐฯ เพื่อสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้เติบโต เช่น ทาจิกิสถานเสนอใช้แร่หายากของตัวเองในการผลิตโครงสร้างศูนย์ข้อมูล AI

นอกจากนี้ คาซัคสถานยังประกาศเข้าร่วม ‘Abraham Accords’ ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่ผลักดันให้ประเทศมุสลิม สร้างความสัมพันธ์ปกติกับ ‘อิสราเอล’ แสดงให้เห็นว่า ภูมิภาคนี้พร้อมเปิดประเทศมากขึ้น ทั้งด้านการทูตและเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน สภาคองเกรสของสหรัฐฯ กำลังผลักดันกฎหมายใหม่ เพื่อยกเลิกข้อจำกัดทางการค้าสมัยสหภาพโซเวียต ซึ่งถูกมองว่าขัดขวางการลงทุนของบริษัทอเมริกันมานาน หากกฎหมายนี้ผ่าน ก็จะยิ่งเพิ่มแรงดึงดูดให้สหรัฐฯ เข้าไปลงทุน และตั้งโครงการขนาดใหญ่ในภูมิภาค

เรียกง่ายๆ คือทั้งสหรัฐอเมริกาและเอเชียกลางต่างก็อยากลดอิทธิพลของจีน-รัสเซียลง ผ่านการมาพูดคุยตกลงกันเรื่องเศรษฐกิจ พลังงาน ความมั่นคง และโครงสร้างพื้นฐาน โดยทุกฝ่ายหวังว่า ผลประโยชน์ด้านแร่หายากจะกลายเป็น ‘ตัวเชื่อม’ ความร่วมมือในอนาคต

ที่มา: South China Morning Post, AP News, Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา