ทรูมันนี่ ขยายแพลตฟอร์มบริการทางการเงิน ร่วมกับบริษัทในเครือ บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนภายใต้บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เปิดตัว Start Invest บริการเปิดบัญชี และชำระเงินซื้อขายกองทุนรวมผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet จับกลุ่มลูกค้าทรูมันนี่กว่า 15 ล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ยังไม่เคยลงทุนมาก่อน
ธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เล่าว่า “ทรูมันนี่ได้ทำให้ Financial Inclusion ในประเทศไทยมีความหลากหลาย และครอบคลุมบริการทางการเงินมากขึ้น โดยได้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทรูมันนี่เป็นประจำ 15 ล้านราย ที่ส่วนใหญ่ยังไม่เคยลงทุน ให้เริ่มลงทุนเป็นครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet”
ข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการทางการเงินของคนไทยอย่างหนึ่งที่ธัญญพงศ์ ยกตัวอย่าง คือ การไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อภายในระบบได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการออมเงิน ที่คนไทยไม่ได้มีการออมเงินเพื่อเตรียมพร้อมหลังการเกษียณอายุ ซึ่งในปัจจุบัน มีคนไทยเพียง 4% หรือราว 2 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดเกือบ 70 ล้านคนเท่านั้น ที่เคยลงทุน
ณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้คนไทยเข้าไม่ถึงการลงทุนว่า คนไทยมองว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ต้องใช้เวลาในการไปธนาคารเพื่อเปิดบัญชี ต้องจำชื่อกองทุนยากๆ ไม่รู้ความแตกต่างของแต่ละกองทุน ซึ่งหากจะถามคนอื่นก็อาย เพราะต้องการลงทุนด้วยเงินจำนวนเพียง 500-1,000 บาท เท่านั้น
ณัฐวดี จึงต้องการเปลี่ยนความเชื่อเรื่องการลงทุน ว่าการลงทุนเป็นเรื่องง่ายๆ และสามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet
ชูจุดเด่นความง่าย ในการลงทุน
สำหรับบริการ Start Invest บนแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ผู้ใช้งานสามารถเปิดบัญชีลงทุนได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที และสามารถเข้าถึงกองทุนรวม 600 กองทุน จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในประเทศไทย จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ บลจ.พรินซิเพิล, บลจ.ทาลิส, บลจ.แลนด์ แอนเฮ้าส์, บลจ.ไทยพาณิชย์, บลจ.กรุงศรี, บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด, บลจ. วรรณ จำกัด, บลจ.เกียรตินาคินภัทร จำกัด, บลจ. วี จำกัด และ บลจ. ทหารไทย
โดยบริการ Start Invest บนแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเพื่อศึกษาข้อมูล และสร้างความคุ้นเคยกับการลงทุนก่อน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีกองทุนก็ได้ โดยจะมีการแนะนำกองทุนจัดเรียงตามความต้องการในช่วงเวลานั้น เช่น ในช่วงปลายปี จะแนะนำกองทุนที่ใช้สำหรับลดหย่อนภาษี หรือลูกค้าคนใดสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ก็จะแนะนำกองทุนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีให้ ตัดปัญหาการไม่รู้ความแตกต่างของแต่ละกองทุน
สำหรับเป้าหมายของในอนาคต คาดว่า Start Invest จะสามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งรายเก่า และรายใหม่ให้เปิดบัญชีได้ไม่น้อยกว่า 600,000 ราย และสร้างมูลค่าการลงทุนรวม 15,000 ล้านบาท ในปี 2564
แต่อย่างไรก็ตาม ธัญญพงศ์ เล่าว่า เป้าหมายหลักๆ ไม่ได้ต้องการสร้างมูลค่าการลงทุนเป็นสำคัญ แต่อยากให้คนไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนได้เป็นครั้งแรกมากกว่า
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา