แม้ AIS จะออกมาย้ำว่ามีจำนวนคลื่นความถี่ในระบบใบอนุญาตเยอะที่สุด แต่ True ก็ออกมาสวนทันควัน ผ่านการส่งข้อมูลว่า “เรามีย่านความถี่เยอะที่สุด” และเตรียมทำตลาด 5G เต็มรูปแบบในอีกไม่นานนี้
มีย่านความถี่เยอะที่สุด
ก่อนหน้านี้ AIS ได้ออกมาย้ำว่ามีคลื่นความถี่ในระบบใบอนุญาตเยอะที่สุด ผ่านจำนวนคลื่นความถี่ 1,420 MHz มากว่าคู่แข่งถึง 40% แต่วันนี้ True ได้ออกมาตอกย้ำว่าตัวเองเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องคลื่นความถี่ เพราะมีคลื่นในมือ 7 ย่านความถี่ และเป็นคลื่นความถี่ต่ำถึง 3 ย่านความถี่
สุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการพาณิชย์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เล่าให้ฟังว่า หากนับรวมคลื่นความถี่ที่ True ใช้ให้บริการจะมีทั้งหมด 7 ย่านความถี่ มากที่สุดในประเทศไทย ประกอบด้วย 700, 850 และ 900 MHz ในย่านต่ำ, 1800, 2100 กับ 2600 MHz ในย่านกลาง และ 26 GHz ในย่านสูง
“ในย่านความถี่ต่ำ True ค่อนข้างเด่นกว่าคู่แข่ง เพราะมีถึง 3 คลื่นในมือ ตอบโจทย์เรื่องความครอบคลุมของโครงข่าย ยิ่งประกอบกับคลื่นย่านกลางที่เหมาะกับการเพิ่มความเร็วในการใช้งาน และคลื่นย่านสูงที่มี Bandwidth เยอะ ก็ทำให้ True เป็นเบอร์หนึ่งในเรื่อง 5G ได้เหมือนกับที่เคยทำได้ในยุค 3G และ 4G”
ทดสอบ 5G ด้วยการแจกซิมให้คนทั่วไป
ทั้งนี้เพื่อการกระตุ้นการรับรู้เรื่องเทคโนโลยี 5G ทาง True เตรียมแจกซิมการ์ดที่รองรับการใช้งานเทคโนโลยี 5G บนคลื่นที่ True ประมูลได้ แต่การใช้งานจะอยู่ในรูปแบบทดลองใช้งาน เนื่องจากยังไม่มีการให้บริการเป็นการทั่วไป ส่วนจำนวนซิมที่จะแจกให้บุคคลทั่วไปยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมา
“อุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี 5G ยังมีไม่มาก ยิ่งโทรศัพท์มือถือที่รองรับได้ตอนนี้ราคาค่อนข้างสูง 5G เพราะไทยก็เริ่มต้นให้บริการเทคโนโลยี 5G ไปพร้อมๆ กับหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้นคงต้องรออีกระยะหนึ่งถึงกลุ่ม True จะให้บริการเทคโนโลยี 5G อย่างแพร่หลาย”
สำหรับเทคโนโลยี 5G ของกลุ่ม True นั้นคลื่นย่านต่ำจะใช้เพื่อขยายความครอบคลุมของเครือข่าย ส่วนคลื่นย่านกลาง โดยเฉพาะ 2600 MHz จะนำมายกระดับการให้บริการ 4G และคลื่นย่านสูงจะนำไปให้บริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ในพื้นที่จำกัด เช่นโรงงาน หรือธุรกิจค้าปลีก
China Mobile คืออีกข้อได้เปรียบ
ขณะเดียวกัน True มี China Mobile ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลกเป็นผู้ถือหุ้น และทาง China Mobile ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยี 5G บนคลื่นความถี่ 2600 MHz จึงเป็นอีกข้อได้เปรียบของ True เพราะได้ประสบการณ์การให้บริการ รวมถึงตัวอย่างการใช้งานเชิงพาณิชย์ในรูปแบบต่างๆ เช่นกัน
“China Mobile เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน และเมื่อเขาเลือก 2600 MHz ในการบริการ 5G ตัวอุปกรณ์ที่รองรับ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือก็จะต้องออกมาจำหน่ายมากกว่าเดิม และข้อดีนั้นก็จะส่งมาที่ประเทศไทยด้วย ผ่านการมีโทรศัพท์มือถือที่รองรับ 5G เยอะขึ้น ผ่านราคาที่เอื้อมถึงได้”
สุดท้าย True ยังยืนยันว่า ด้วยคลื่นย่านต่ำที่มีมากกว่าคู่แข่ง และคลื่นย่านกลางที่ห่างกันไม่ถึง 10 MHz รวมถึงคลื่นย่านสูงที่ยังไม่มีตัวอย่างการใช้งานจริง ทำให้ True เป็นเบอร์หนึ่งในยุค 5G ของโทรคมนาคมในประเทศไทย เหมือนกับที่ทำมาแล้วในยุค 3G และ 4G
สรุป
เปิดกลยุทธ์มาทั้ง 3 ค่ายแล้วสำหรับ 5G บ้างก็บอกว่าเป็นกลยุทธ์ของตัวเอง บ้างก็แข่งกันสื่อถึงความเป็นเบอร์หนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่มุมผู้บริโภคว่าจะเชื่อมั่นกับค่ายไหนมากที่สุด ซึ่ง True เองก็น่าจะอาศัยความมีคลื่นความถี่เยอะ และความ Convergence ในการทำตลาดให้ได้มากที่สุดแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา