Triumph Motorcycles (ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์) สามารถขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดบิ๊กไบค์แบบคลาสสิคในประเทศไทยต่อเนื่อง บนแนวคิดว่า ถ้าอยากมีประสบการณ์ขี่บิ๊กไบค์แบบพรีเมียม และมีความเป็นอังกฤษ Triumph Motorcycles จะเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนนึงถึงเสมอ
จักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารสูงสุดคนไทย มองว่า ทิศทางของตลาดมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มพรีเมียมปีนี้ ตลาดคลาสสิคน่าจะไปต่อได้ เพราะถือเป็นตลาดที่กลางๆ แต่งตัวง่าย สามารถเลือกขับขี่ได้ทุกสภาวะ ที่สำคัญคือการที่ฟังก์ชันที่ค่อนข้างตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่สามารถขับขี่ไปไหนมาไหนได้สะดวก รวมถึงราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าขึ้นหากเทียบย้อนไปหลายปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน เมื่อมองถึงปัจจัยที่ทำให้ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้ มาจาก 3 คุณค่าหลักของแบรนด์ ที่ประกอบด้วยความเป็น “พรีเมียม บริติช และไลฟ์สไตล์” ซึ่งจะเห็นได้ว่าแนวทางการทำตลาด และกิจกรรมของ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ในปีนี้ จะคล้องไปกับ 3 คำนี้
ประกอบกับเมื่อลูกค้า หรือคนที่สนใจในรถกลุ่มนี้ ก็จะมาในแนวทางดังกล่าวอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีการแข่งขันจากแบรนด์คู่แข่งที่เข้มข้นมากขึ้น แต่เชื่อว่าด้วยความเป็นคลาสสิค และแบรนด์อังกฤษจริงๆ น่าจะดีกว่า ตอบโจทย์มากกว่า จากยอดขายในปีที่ผ่านๆ มาที่ขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามเมื่อประเมินถึงสภาพตลาดในกลุ่ม Premium Big Bike Europe American Brand ในไทย คาดว่าทิศทางในปีนี้จะดีขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา เพราะอย่างในปี 2560 เมื่อเทียบกับปี 2559 ตลาดในกลุ่มนี้เติบโตประมาณ 7% ดังนั้น จึงคาดว่าในปีนี้จะเติบโตอยู่ในช่วง 7-10%
เน้น 3 หลัก ช่องทาง โชว์รูม และบริการ
แนวคิดหลักของ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ในการทำตลาดปีนี้ จะเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ขับขี่ระดับพรีเมียม (Premium Riding Experience) ให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือเรื่องของช่องทางจำหน่าย (เน็ตเวิร์ก) โชว์รูม และบริการหลังการขาย
โดยในส่วนของ เน็ตเวิร์ก จากเดิมที่ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ มีหน้าร้านที่จำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์อยู่ทั้งหมด 13 แห่ง ประกอบด้วยในกรุงเทพฯ 4 แห่ง คือที่ พระราม 9 รังสิต บางนา และพระราม 5 ในต่างจังหวัดอีก 9 แห่ง ประกอบก้วย ลพบุรี พิษณุโลก เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี พัทยา หาดใหญ่ และภูเก็ต ซึ่งมีแผนที่จะเพิ่มเป็น 16 แห่ง หรืออีก 3 แห่งคือ สาขาวิภาวดีรังสิต (ใกล้ห้าแยกลาดพร้าว) กับ โคราช และหัวหิน ภายในปีนี้
ในส่วนของโชว์รูม ทาง ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ก็มีแผนที่จะปรับปรุง และยกระดับ ให้อยู่บนมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ให้เป็น Triumph World ทั้งในแง่ของขนาดที่ใหญ่ขึ้น มีการจัดแสดงรถทุกรุ่น เกือบทุกสี เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้เห็นรถจริง สามารถขึ้นคร่อมเพื่อลองในสีที่ชอบได้ รวมถึงจะมีรถทดสอบให้ได้ลองขี่ทุกรุ่น นอกจากนี้ก็จะเสริมในแง่ของตกแต่ง ทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์แต่งรถ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมถึงจัดโซนรับรองลูกค้าในแบบพรีเมียม บนพื้นฐานของการที่ให้ลูกค้าได้เห็น และได้ลอง
สุดท้าย บริการหลังการขาย ทาง ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ก็จะเน้นในแง่ของการสร้างความมั่นใจ จากระบบ Road Side System ในช่วงระยะเวลา 2 ปี รวมถึงการรับประกัน 2 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง รวมถึงการพัฒนาศูนย์บริการที่ได้รับมาตรฐานด้วย
จัดกิจกรรม One Day Trip ทุกเดือน
สำหรับกิจกรรมทีทาง ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จะเน้นหลักๆ ในปีนี้ นอกจากขยายศูนย์บริการให้ครบ 16 แห่งภายในสิ้นปีนี้แล้ว จะจัดกิจกรรมอย่าง One Day Trip ขึ้นในทุกๆ เดือน ทำให้ในปีนี้แต่ละศูนย์บริการจะมีการจัดกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 200 ทริป ในแต่ละทริปก็จะมีลูกค้าเข้าร่วม 10-15 คน ก็จะช่วยขยายฐานลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมได้เกือบๆ 3 พันคน
“ในจุดนี้ ไทรอัมพ์ จะเข้าไปสนับสนุนในแง่ของรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสม ตรงกับความต้องการของลูกค้า ขณะเดียวกันก็จะเปิดโอกาสให้ดีลเลอร์ออกงานต่างๆ มากขึ้น ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดเหล่านี้ จะช่วยเสริมให้ลูกค้ารับรู้ถึงความเป็นพรีเมียม และภูมิใจที่ได้ใช้แบรนด์ไทรอัมพ์”
สร้างการรับรู้รถในกลุ่ม Adventure – Naked
สุดท้าย ในส่วนของเป้าหมายหลักของ ไทรอัมพ์ ในปีนี้ จะเน้นไปที่การทำให้รถมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มของ Adventure และ Naked เติบโตขึ้น เพราะปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักของไทรอัพม์กว่า 90% จะมาจากรถคลาสสิค ในขณะที่ Adventure มีสัดส่วนอยู่ราว 6% และ Roadster Naked 4%
“รถในกลุ่ม Adventure ที่ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ นำเข้ามาจำหน่ายในปีนี้ ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สำคัญมากๆ เพราะเปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก และวางจำหน่ายในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นโฉมใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที (ALL NEW Tiger 800 XRT), ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ (ALL NEW Tiger 800 XCA) และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ (ALL NEW Tiger 800 XR) ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงครั้งสำคัญ ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น โครงรถและเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดมากกว่า 200 รายการ ซึ่งมั่นใจได้ถึงการขับขี่ที่จะสนุก และคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน”
การมาของ ALL NEW Tiger 800 ทั้งสามรุ่น เชื่อว่าจะตอบโจทย์ของผู้ที่ชื่นชอบรถแนว Adventure ด้วยความสามารถใหม่ๆ จะผลักดันยอดขาย และเพิ่มส่วนแบ่งของตลาดรถกลุ่ม Adventure ในปีนี้ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ก็คาดว่าจะส่งเสริมให้รถในกลุ่มนี้สามารถเติบโตขึ้นได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา