G2 กลยุทธ์สำคัญของ Trip.com ในการสร้างธุรกิจการท่องเที่ยวผ่านออนไลน์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวส่วนบุคคลแบบหรูหรา G6 หรือเครื่องบินส่วนบุคคลที่แสนสะดวกสบายคงเป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางในฝันของหลายคน ถึงขั้นวง Far East Movement นำไปทำเป็นเพลงเมื่อ 14 ปีที่แล้ว พร้อมท่อนฮิต “Now I’m feelin’ so fly like a G6”

ล่าสุด Trip.com Group หนึ่งในแพลตฟอร์มท่องเที่ยวครบวงจรชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน ได้เปิดเผยกลยุทธ์ธุรกิจที่มีตัว G นำหน้า และเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่นกัน เพียงแต่ไม่ใช่ G6 เพราะคือ G2 ที่มาจาก Globalization กับ Great Services

G ทั้งสองตัวสามารถพาธุรกิจให้ Trip.com Group เติบโตอย่างยั่งยืน และฝ่าวิกฤติการท่องเที่ยวซบเซาในช่วงโรคโควิด-19 ระบาดได้อย่างไร รวมถึง G ทั้งสองตัวจะประกอบด้วยหมัดฮุคเพื่อมัดใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างไรบ้าง ซุน เทียนซู รองประธานกรรมการ Trip.com Group ได้เล่าให้ฟังอย่างน่าสนใจดังนี้

Trip.com

Trip.com Group กับกลยุทธ์ G2

ซุน เทียนซู รองประธานกรรมการ Trip.com Group เล่าให้ฟังว่า Trip.com Group ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ G2 ที่ประกอบด้วย Globalization และ Great Services โดย Globalization คือการกระจายธุรกิจจากแค่ในประเทศไทยจีนออกไปยังพื้นที่ที่มีโอกาสเติบโต และอาศัยการปรับตัวให้เข้ากับท้องถิ่นนั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด

“หนึ่งในประเทศที่ Trip.com ออกมาจากจีนคือไทย ผ่านการมีสำนักงานชัดเจน พร้อมการร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และนอกจากที่ไทย บริษัทยังมีสำนักงานที่สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และตะวันออกกลาง เพื่อครอบคลุมพื้นที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด”

Trip.com
ซุน เทียนซู รองประธานกรรมการ Trip.com Group

สำหรับ G2 ตัวที่ 2 คือ Great Services ที่หมายถึงการให้บริการที่ตรงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการปรับเรื่องภาษา การทำแคมเปญที่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงการใช้ AI และ Live Streaming มาช่วยในการเข้าถึง และสื่อสารข้อมูลได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Live Streaming จนติดตลาด จึงเริ่มต่อยอด

หากเจาะไปที่การ Live Streaming จะพบว่า Trip.com ต่อยอดมาจากความสำเร็จในปี 2023 ที่ผลิตซีรีส์ Super World Trip มีการใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทอดสด และจำหน่ายห้องพักไปได้กว่า 20,000 ห้อง ทำให้ปี 2024 จึงตั้งกรุงเทพเป็น Asia Live Straming Centre แห่งแรกในเอเชียเพื่อนำเสนอดีลท่องเที่ยวต่าง ๆ

การ Live Streaming เพื่อจำหน่ายสินค้าโดย Trip.com จะทำทุกวัน เผยแพร่บนช่องทาง TikTok ช่วงแรกจะเป็นภาษาไทย และหลังจากนั้นจะเป็นภาษาอังกฤษเพิ่มเติม พร้อมร่วมมือกับที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว และสายการบินเพื่อทำตลาดร่วมกัน ส่วนสิ้นไตรมาส 4 ของปี 2024 จะมีการทยอยเปิด Asia Live Straming Centre เพิ่มเติม

Trip.com

“G2 ช่วยให้เราเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ได้ เช่น ช่วงโรคโควิด-19 ระบาด จีนต้องปิดประเทศ เราก็สามารถดำเนินธุรกิจในประเทศอื่น ๆ ได้ และ Live Streaming กับ AI จะกลายเป็นอาวุธสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืนหลังจากนี้”

ไตรมาสแรกตัวเลขท่องเที่ยวออกมาดี

ซุน เทียนซู เสริมว่า ในไตรมาสแรกของปี 2024 ตัวเลขการใช้บริการ Trip.com ออกมาค่อนข้างดี เพราะนักท่องเที่ยวชาวจีนออกนอกประเทศเยอะขึ้น รวมถึงชาติอื่น ๆ มีการไปเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน จนบริษัทมีอัตราการเติบโตของการใช้บริการเพิ่มขึ้น 30%

นอกจากกลยุทธ์ G2 Trip.com มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ Trip.Best ที่รวมสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหารที่ได้รับคะแนนรีวิวจากผู้บริโภคในเกณฑ์ดี เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นผ่านการมีแพลตฟอร์มช่วยการันตี สร้างโอกาสการซื้อบริการใหม่ ๆ จากผู้บริโภค รวมถึงกระตุ้นคู่ค้าโรงแรม ร้านอาหาร ให้พัฒนาบริการดีขึ้นเช่นกัน

Trip.com

ปัจจุบัน Trip.com Group ให้บริการใน 39 ประเทศ มีโรงแรม 1.1 ล้านแห่ง และสายการบิน 510 รายในระบบ ปี 2023 มียอดขายสินค้ารวม (GMV) 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2019 นับเป็น Online Travel Agency ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่มูลค่า GMV

สำรวจเทรนด์นักท่องเที่ยวในปี 2024

บุน เซียน ชาย กรรมการผู้จัดการ และรองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศ Trip.com Group แจ้งว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องการการท่องเที่ยวแบบเหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น ทำให้โรงแรมไม่ใช่ที่พักผ่อนเพียงอย่างเดียว ต้องให้ประสบการณ์ใหม่ ๆ กับพวกเขาได้ด้วย

Trip.com
บุน เซียน ชาย กรรมการผู้จัดการ และรองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศ Trip.com Group

“เมื่อเป็นอย่างนี้สถานที่ท่องเที่ยวต้องปรับตัวผ่านการผนวกบริการต่าง ๆ เข้าไป เช่น ที่พัก พร้อมสปา หรือบริการที่หาไม่ได้จากที่อื่น ซึ่งแม้ราคาจะแพงขึ้น แต่พวกเขาก็ยอมจ่าย และในมุมผู้ประกอบการโรงแรม การทำแบบนี้ช่วยให้ ADR (อัตราห้องพักเฉลี่ยต่อห้อง) สูงขึ้นด้วย”

ส่วนอีกกลุ่มคือนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง หรือ Luxury Travel โดยเฉพาะชาวเอเชียที่ต้องการพักห้องพักระดับ 4-5 ดาวมากขึ้น ผ่าน 63% ของผู้บริโภคส่วนนี้ที่เข้ามาจอง และมี ADR เฉลี่ยอยู่ที่ 5,500 บาท และสามารถ Cross-selling กับบริการอื่น ๆ ได้มากกว่าเดิมเช่นกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา