วิกฤตท่องเที่ยวที่กระทบผู้ประกอบการโรงแรมไทยอย่างหนักหนาสาหัสในยุคแห่งโควิด ปรากฏว่าเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ปัจจัยหลักคือการเข้ามาของวัคซีนต้านโควิดที่จะพลิกโฉมสถานการณ์ให้เป็นไปในทางบวก
ข้อมูลจาก SiteMinder แพลตฟอร์มจองโรงแรม ทำรายงานประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวในปี 2564 โดยสรุปว่าจะมีทั้งหมด 5 กระแสที่เกิดขึ้น ดังนี้
1. ท่องเที่ยวในประเทศจะกลับมา ส่วนระหว่างประเทศค่อยๆ ฟื้นตัว
ภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จะได้นักท่องเที่ยวไทยเป็นกลุ่มลูกค้าหลักมาช่วยเพิ่มอัตราการจองห้องพักโดยตรงให้กับโรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่จองผ่านแพลตฟอร์มและเว็บไซต์ต่างๆ
ในปี 2019 เว็บไซต์โรงแรมจัดอยู่ในอันดับ 3 ของช่องทางที่มีคนจองห้องพักมากที่สุด ไต่อันดับขึ้นมาจากอันดับที่ 4 ในปีก่อนหน้า ยิ่งทำให้การจองห้องพักโดยตรงกับโรงแรมของนักท่องเที่ยวไทยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว
ในงานศึกษาของ SiteMinder ระบุว่า อัตราการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้เราได้เห็นบทบาทที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของช่องทางการจองระดับประเทศและระดับภูมิภาค ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาเราได้เห็นผู้เล่นระดับภูมิภาคอย่าง Agoda ที่ไต่ขึ้นมาครองอันดับหนึ่งแทนที่ Booking.com เนื่องจากนักท่องเที่ยวมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวและส่วนลดข้อเสนอของโรงแรมในประเทศ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศจะยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในอีกหลายเดือนข้างหน้านี้ ได้มีการคาดการณ์จะได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนกว่า 2 ล้านคนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2564
แม้การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะช้าหรือเร็วมีส่วนขึ้นอยู่กับประสิทธิผลและการแจกจ่ายวัคซีน โรงแรมในประเทศควรเริ่มเตรียมวางแผนรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ที่คาดว่าจะสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยไม่จำเป็นต้องกักตัวในเดือนตุลาคมนี้
2. เทรนด์ท่องเที่ยวแบบกระทันหันจะเป็นที่นิยม
เทรนด์การจองที่พักแบบกระทันหันได้รับความนิยมในปีที่แล้วและจะยังคงต่อเนื่องในปีนี้ เช่น
- การกระโดดขึ้นรถแล้วขับออกไปท่องเที่ยว
- การจองตั๋วเครื่องบินทริปสั้นๆ เพื่อหลีกหนีความจำเจ
ข้อมูลจาก Changing Traveller Report ฉบับล่าสุดของประเทศไทย บอกว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยเกือบ 60% ระบุว่า ผลจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้พวกเขาวางแผนการจองที่พักภายในประเทศล่วงหน้าเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ก่อนออกเดินทาง ซึ่งคาดว่าจะเป็นเทรนด์ที่นิยมต่อเนื่องในหมู่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นในการการยกเลิก/แก้ไขการจองที่พักที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อความอุ่นใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีความรอบคอบในการวางแผนการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวที่วางแผนก่อนการออกเดินทางก็จะกลับมามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในปีนี้เช่นกันซึ่งเป็นผลจากการมองสถานการณ์ในทิศทางบวกและความต้องการกลับมาท่องเที่ยวที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้เริ่มมีการจองที่พักล่วงหน้าในประเทศไทยเป็นเวลาหลายเดือนมากขึ้น ซึ่งเราได้เริ่มเห็นอัตราการจองที่พักช่วงคริสต์มาสของโรงแรมในไทยแม้จะยังไม่สูงมากแต่ก็มากพอที่จะนับเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งราคาที่พักและแพ็คเกจที่คุ้มค่ารวมถึงความยืดหยุ่นในการจองมีผลช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและส่งผลให้อัตราการจองที่พักล่วงหน้าเพิ่มสูงมากขึ้นเช่นกัน
3. ความต้องการของนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น
วิกฤตที่เกิดขึ้นทำให้ธุรกิจโรงแรมทั่วโลกต้องปรับแนวทางการทำธุรกิจครั้งใหญ่แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่การปรับพื้นที่ใช้งานของโรงแรมให้เหมาะกับการทำงานแทน ไปจนถึงการสร้างกระแสรายได้จากช่องทางใหม่ อาทิ บริการจัดส่งอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แขกเริ่มมีความคาดหวังสูงขึ้นที่จะได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้บริการ
ในขณะที่ในปีนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยบางคนมีความสุขกับการได้ออกเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ มีนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกมากมายที่คาดหวังจะได้รับการบริการที่ดีขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ได้มีช่วงเวลาสำหรับถ่ายภาพอัพโหลดลงอินสตาแกรม รวมถึงความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการโรงแรมชาวไทยมีเวลาที่จะสามารถเรียนรู้และปรับตัวได้ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ก่อนที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับเข้ามา
ในความเป็นจริงแล้ว แม้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะดีขึ้น แต่เรายังคงต้องรักษามาตรฐานด้านสุขอนามัยต่อไป วิกฤตนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการยกระดับมาตรการด้านความสะอาดและสุขอนามัยในหลายๆพื้นที่ ซึ่งผู้เข้าพักก็คาดหวังที่จะได้รับมาตรฐานด้านความสะอาดที่มีคุณภาพเช่นนี้ในปีนี้และในอนาคต
4. ช่วงเวลาวันหยุดจะเป็นช่วงที่มีอัตราการจองห้องพักสูง
เนื่องจากนักท่องเที่ยวได้เริ่มวางแผนท่องเที่ยว ผู้ประกอบการโรงแรมอาจได้เห็นจำนวนแขกเข้าพักเพิ่มสูงขึ้นในช่วงวันหยุดเทศกาลปีนี้อีกครั้งหลังจากที่การท่องเที่ยวหยุดชะงักไปในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนับเป็นตัวอย่างที่ดี
ข้อมูลจาก World Hotel Index พบว่า อัตราการจองที่พักล่วงหน้าทั้งหมด ประมาณ 15% เป็นการจองที่พักโรงแรมในไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเมื่อเข้าใกล้เทศกาลมากยิ่งขึ้น
5. นักท่องเที่ยวจะลดจำนวนครั้งในการเดินทาง แต่พักระยะเวลานานขึ้น
ในที่สุดแล้วเมื่อนักท่องเที่ยวสามารถกลับมาท่องเที่ยวได้อีกครั้ง แม้จะมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติมากมายที่ยังคงนิยมการท่องเที่ยวระยะสั้นและจองที่พักแบบกระทันหัน แต่จะมีนักท่องเที่ยวอีกหลายกลุ่มที่จะกลับไปมองหาการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความหมายมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งเป็นวิถีท่องเที่ยวที่เป็นไปได้ยากในหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เที่ยวบ่อยแต่เป็นการเที่ยวระยะเวลาสั้นเท่านั้น
เมื่อมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนจะกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงภาคธุรกิจ เราจะได้เห็นนักท่องเที่ยวมีความใส่ใจต่อส่วนรวมมากขึ้นเมื่อออกเดินทางท่องเที่ยวและจะมีคำถามกับตัวเองว่า
- เราจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีและสามารถตอบแทนคืนสู่สังคมได้อย่างไรบ้าง?
นักท่องเที่ยวในกลุ่มนี้จะเลือกบินน้อยลงและพักระยะยาวมากขึ้น การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนไปพร้อมๆ กับการทำงานจะเป็นที่นิยมมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากผู้คนต้องการที่จะพักระยะเวลานานขึ้น เพื่อหนีจากห้องสี่เหลี่ยม และประชุมในสภาพแวดล้อมที่มีวิวสวยงามไม่ใช่เพียงแค่หน้าจอสี่เหลี่ยม
SiteMinder สรุปว่า นับเป็นเวลานานกว่า 14 เดือน ตั้งแต่ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกรองจากประเทศจีนที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นเวลากว่าหนึ่งปีตั้งแต่การระบาดครั้งนี้สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงให้กับธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม มีดัชนี้ที่บ่งชี้ถึงสัญญาณที่ดีขึ้น หากวัคซีนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวสามารถดำเนินการได้ตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ ซึ่งเรารู้สึกเชื่อมั่นอย่างยิ่งและมีความหวังที่จะได้เห็นวันที่สดใสและราบรื่นของโรงแรมในประเทศไทยในปี 2564 และในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา