คลังย้ำยังไม่มีนโยบายเก็บภาษีขายหุ้น-Capital Gain Tax 

15.00 น. วันนี้ (29 ก.ย.) ทางกระทรวงการคลังแจ้งแถลงข่าวด่วนเรื่องความชัดเจนประเด็นไม่เก็บภาษี Financial TransactionTax โดยมีรายละเอียดดังนี้

เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังต้องมีนโยบายเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ไทยอย่างเหมาะสม โดยหนึ่งในมาตรการที่มีผลโดยตรงต่อการเติบโตและทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาค คือ มาตรการทางภาษี

ทั้งนี้ จึงขอยืนยันเพื่อความมั่นใจต่อผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุนว่า กระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายในการพิจารณาภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการขายหุ้นหรือ Financial TransactionTax (FTT) และยังไม่มีนโยบายในการพิจารณาภาษีที่เกิดจากการขายหุ้นหรือ Capital Gain Tax 

ทางกระทรวงการคลังเชื่อว่าคำตอบนี้จะให้ตลาดหุ้นไทยสบายใจ มีเสถียรภาพ และสามารถวางแผนระยะยาวในการลงทุนได้ 

นอกจากนี้ยังชี้แจงเพิ่มเติมกรณี Digital Wallet ของรัฐบาลใหม่ในปี 2566 นี้ ว่า “ในแผนงานการคลังระยะปานกลาง ยังไม่ได้มีการพิจารณารวมถึงผลกระทบที่มีนัยยะสำคัญของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ชื่อว่า Digital Wallet ของรัฐบาล และหากเกิดขึ้นจริงจะมีเม็ดเงิน 5.6 แสนล้านบาทเข้าไปในระบบ และด้วยกลไลที่เราออกแบบนั้น เงินทุกบาทจะต้องเกิดเป็นรายได้และกลับเข้ามาในรูปแบบของภาษี ไม่ว่าจะนิติบุคคล หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)” เผ่าภูมิ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการคลังยัง ยกข้อถกเถียงในสังคมที่ว่า หากไม่มีการจัดเก็บภาษีขายหุ้นหรือ FTT จะกระทบรายได้ภาครัฐหรือไม่ และจะมีการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อมาชดเชยหรือไม่?

ด้าน พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า ยืนยันว่าตัวเลขประมาณการของปีงบประมาณ 2567 ภายใต้ MTFF 2567 – 2570 ฉบับทบทวน ยังคงเป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2566 ได้แก่

  • รายได้รัฐบาลสุทธิ 2,787,000 ล้านบาท
  • งบประมาณรายจ่าย 3,480,000 ล้านบาท
  • การขาดดุลการคลังที่ 693,000 ล้านบาท

หลังจากนั้น ทั้งสำนักงบประมาณ และ กระทรวงการคลัง จะนำกรอบตัวเลขงบประมาณ 2567 มาดำเนินการในทางปฏิบัติและวางแผน โดยฝั่งสำนักงบประมาณจะนำมาจัดทำวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เช่น แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ, รายจ่ายลงทุน, รายจ่ายชำระคืนเงินกู้ ฯลฯ และจะเสนอกลับไปที่คณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นกรอบวงเงินและตัวตั้งให้หน่วยงานราชการต่างๆ ทำคำขอเพื่อประกอบการพิจารณา (ครม. เห็นชอบเมื่อ 18 ก.ย.)

ฝั่งกระทรวงการคลังวางแผนการบริหารจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพื่อให้การจัดเก็บรายได้เป็นไปตามที่ประมาณการไว้โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้เป็นหลัก และทำให้ได้ตามเป้าหมายของปีงบประมาณ 2567

หมายเหตุ ภายในการแถลงข่าวมีผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จากที่เอกสารแผนการคลังของงบประมาณปี 2567 ที่ครม. เห็นชอบ พบว่า มีหมายเหตุที่ระบุรวมถึงการเก็บภาษี FTT ราว 14,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ พรชัย ตอบคำถามดังกล่าวว่า หลังจากที่มติครม. เห็นชอบตัวแผนแล้ว ทางสำนักงบประมาณจะนำไปทำงบประมาณ ส่วนทางกระทรวงการคลังจะนำกรอบตัวเลขดังกล่าวมาดูในทางปฏิบัติว่า วิธีการจัดเก็บภาษีสามารถทำด้วยวิธีใดบ้าง จริงอยู่ที่ในแผนมีการรวมไว้ แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อได้ดูตามมาตรา 16 ใน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง บอกไว้ว่า ให้หน่วยงานของรัฐนำแผนฯ ที่ผ่านการเห็นชอบแล้ว มาใช้ประกอบการพิจารณาการจัดเก็บรายได้ 

ที่มา – สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, กระทรวงการคลัง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา