Trade war กับคลื่นภาษีลูกใหม่ จะส่งผลกระทบกับไทยอย่างไรบ้าง?​

Trade war ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างต่อเนื่องเพราะ ทั้งจีนและสหรัฐฯ ยังขึ้นภาษีตอบโต้กันไปมา กลายเป็นความเสี่ยงไปถึงเศรษฐกิจทั่วโลก แน่นอนว่าส่งผลต่อไทย แต่อย่างไรบ้าง?

ภาพจาก Shutterstock

สรุปแล้ว สหรัฐ-จีน ตั้งกำแพงภาษีระหว่างกันอย่างไรบ้าง?

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย บอกว่า จุดเริ่มต้นของสงครามการค้า (Trade war) มาจากฝั่งสหรัฐล่าสุดจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนฝั่งจีนก็ตอบโต้ด้วยการออกมาตรการทางภาษีเช่นกัน รวมถึงตอนนี้อยู่ที่ 110,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าน้อยกว่าสหรัฐฯ มากส่วนหนึ่งเพราะจีนนำเข้าจากสหรัฐฯ น้อยกว่าการส่งออกของจีนไปสหรัฐ ทำให้ฝั่งจีนยังมีไพ่ที่พร้อมเปิดใช้งานอีก ซึ่งอาจจะไม่ใช่มาตรการทางภาษีอย่างเดียว เพราะเขามีภาคการบริการ มาตรการการลงทุนที่อาจกดดันเศรษฐกิจสหรัฐได้มากขึ่น

ขณะที่ล่าสุดทางสหรัฐฯ ยังขู่จะขึ้นภาษีเพิ่มขึ้นมาอีก กว่า 256,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้หลายคนยังกังวลเรื่องกำแพงภาษีระหว่าง 2 ประเทศอย่างต่อเนื่อง

ภาพจาก shutterstock

ความหวังใหม่ Trump ส่งสัญญาณประนีประนอมได้

แต่จากสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดก็เห็นความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เพราะมีมาตรการทางภาษีอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มต้นที่ 10% จากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่าจะสูงถึง 25% เลยทำให้กลายเป็นผลดีต่อตลาด อย่างตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศยังปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนหนึ่งเพราะมองว่าการที่ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐ เริ่มมาตรการทางภาษีที่ 10% แสดงให้เห็นว่า Trump ยังทยอยขึ้นภาษีเป็นขั้นๆ ให้หลายฝ่ายได้ปรับตัว และมีสัญญาณว่าพร้อมประนีประนอมในการเจรจากับจีนมากขึ้น แม้ว่าสัปดาห์นี้ (ปลายก.ย.) จีนขอไม่เข้าเจรจารอบนี้ แต่หลังฉากท้ังจีน-สหรัฐฯ ต้องมีการพูดคุยกันเรื่องการค้ามากขึ้น

อย่างไรก็ตามการขึ้นภาษีทั้งสหรัฐฯ และจีน ต้องดูว่ามีกับราคาสินค้าอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบต่อสินค้าที่ผู้บริโภครายย่อยซื้อกินซื้อใช้กัน แต่ฝั่งผู้ประกอบการจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักเพราะส่งผ่านไปยังผู้บริโภคแล้ว

ภาพจาก Shutterstock

Trade War จะส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทย การท่องเที่ยวจะหายไปหรือเปล่า?

อมรเทพ บอกว่า ผลกระทบ Trade war ต่อประเทศไทยข้อดีคือ เราอาจจะได้นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มีต้นทุนที่ถูกลงโดยเฉพาะที่เราใช้นำเข้าสุทธิ อย่าง อาหารสัตว์ ถั่วเหลือง

ส่วนผลกระทบฝั่งไทยกับจีน คือ หมวดสินค้าที่ส่งออกไปจีนอาจจะแย่ลง เช่น สินค้าเกษตร ยางพารา ข้าว รวมถึงผู้ส่งออกของไทยไปจีนที่เป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน เช่น ฮาร์ดดิกส์ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ สินค้าเกษตร ฯลฯ ขณะเดียวกันถ้าเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบอาจจะส่งผลต่อนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยอาจจะลดลง

“ผู้ส่งออกไทยต้องระวังแม้ว่าการส่งออกปีนี้อาจจะเติบโตดี แต่ยอดขายที่สูงปีนี้อาจจะเป็นยอดอนาคตที่คนเร่งซื้อไปสะสมเป็นสต็อกเพราะกลัวเรื่อง Trade war ทำให้ปีหน้ายอดขายอาจจะต่ำลง ผู้ประกอบการต้องปรับตัวตั้งแต่ปีนี้”

ดังนั้นปีหน้า ไม่ว่า Trade war จะยังอยู่หรือไม่ แต่ผู้ประกอบการต้องพัฒนาสินค้า เพิ่มมูลค่า และมองหาตลาดใหม่ๆ ให้ต่างจากสินค้าที่ขายไปเยอะแล้วในปีนี้ หรือพัฒนาไปการผลิตต้นน้ำมากขึ้น เช่น การทำ R&D ในทุกธุรกิจ อย่างรถยนต์ ต้องศึกษาว่าจะไปไฮบริดไหม EV ไหม เป็นต้น

“ปัญหาพื้นฐานของไทยคือ เราไม่ได้พัฒนามานานมากแล้ว ดังนั้นเราต้องหันมาทำเรื่องต้นน้ำมากขึ้น เช่น พัฒนา Design R&D ฯลฯ ขณะเดียวกันต้องเร่งลงทุนเพราะดอกเบี้ยยังอยู่ในภาวะต่ำ ถ้าลงทุนอะไรก็ยังต้นทุนต่ำ เลยมองว่าควรจะลงทุนอย่างอื่นที่ต่างจากปีนี้”

อย่างไรก็ตามหาก Trade War ยังลากยาวก็อาจจะกระทบเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะไม่ถึงขั้นวิกฤต และจะไม่ส่งผลกระทบต่อไทยเราไม่รุนแรงเช่นกัน

สรุป

Trade war ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างต่อเนื่องเพราะ ทั้งจีนและสหรัฐฯ ยังขึ้นภาษีตอบโต้กันไปมา กลายเป็นความเสี่ยงไปถึงเศรษฐกิจทั่วโลก และมีผลต่อเนื่องมากถึงไทย ทั้งฝั่งผู้ส่งออกที่ต้องปรับตัว ปรับไลน์สินค้าให้หลากหลายมากขึ้นและต้องพัฒนาให้ง่ายขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

จากนักข่าวการเงินหนังสือพิมพ์ธุรกิจย่านประชาชื่น ผันตัวเข้าโลกออนไลน์ ความท้าทายครั้งใหม่คือการเล่าเรื่องเงินให้เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง