หลังเกิดสงครามการค้า แม้ผลกระทบต่อกลุ่มประเทศเกิดใหม่(Emerging Market-EM)จะยังไม่มีภาพที่แย่ที่สุด แต่ก็ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ส่งออกในตลาดเกิ
และส่วนใหญ่ใน 24 ประเทศ สกุลเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่
ผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ราคาวัถุดิบใน ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของ Bloomberg ตกลง 4% ในเดือนนี้(มิ.ย.) ถือว่าต่ำสุดตั้งแต่ ก.ค. ปี 2016 ในขณะที่ดัชนี the London Metal Exchange LMEX ปรับตัวลดลง 5.8 % ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา
“หากการเสื่อมถอยของการค้าทำให้เศรษ
จากประกาศของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในสัปดาห์นี้ว่าจะเพิ่มภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีน 200,000 ล้านเหรียฐสหรัฐ ทำให้เกิดแรงกดดันต่อกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาซึ่งอยู่ระหว่างการปรับตัวรับกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น และผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ สงครามการค้าจะทำให้จีนชะลอการเติบโตลง ซึ่งจีนถือเป็นผู้บริโภควัตถุดิบรายใหญ่ที่สุด
สกุลเงินวอน(Won)ของเกาหลีใต้ และ รูเบิล(Ruble)ของรัสเซีย ได้รับผลกระทบโดยอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ นับว่าอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน
จากข้อมูลของ Bloomberg พบว่า กว่า 1 ใน 3 ของการส่งออกของเกาหลีใต้ ส่งออกไปที่จีน ซึ่งจีนก็เป็นพันธมิตรการค้ารายใหญ่ที่สุของรัสเซียเช่นกัน
วิลเลี่ยม แจ็คสัน (William Jackson) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส Capital Economics Ltd. ในลอนดอน บอกว่า ในเอเชียตะวันออกเป็นเศรษฐกิจแบบเปิดขนาดเล็ก เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย มองว่า ภาษีการนำสินค้าจากจีนของสหรัฐ ส่งผลต่อเนื่องถึงบทบาทซัพพลายเชนของพวกเขา ซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกับชิลี ที่เป็นผู้ผลิตทองแดงส่งให้ภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในจีน ย่อมได้รับผลกระทบด้วย
นอกจากนี้ จีนยังมีส่วนในการซื้อแร่กว่าครึ่งของการส่งออกในแอฟริกาใต้
อิสยาห์ ลังกา(Isaah Mhlanga) นักเศรษฐศาสตร์ FirstRand Bank Ltd. ที่โจฮันเเนสเบิร์ก บอกว่า “การเติบโตยังอ่อนแอ ในส่วนธนาคารกลางแอฟริกาใต้(the South African Reserve Bank) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมิ.ค. และยังคงที่ไว้จนถึงปัจจุบันในขณะที่ ธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเกิดใหม่อื่นๆมีทีท่าจะปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ถือว่าทำให้ สกุลเงินแรนด์ของแอฟริกาใต้ดูอ่อนแอเหมือนคนที่กำลังแก้ผ้าว่ายน้ำกับแมงกะพรุนในฤดูร้อน“
ข้อมูลจาก Societe Generale SA ระบุว่า สกุลเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะได้รับแรงกดดันต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งจะทวีความรุนแรงขึ้น หากการค้ายังชะลอตัวลง
เจสัน ดอว์ (Jason Daw) นักยุทธศาสตร์ SocGen ในสิงคโปร์ เล่าว่า “ค่าเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่น่าจะอ่อนค่าลง เพราะได้รับแรงกดดันโดยเฉพาะช่วงที่ FED มีความเคลื่อนไหว และจะกลายเป็นเรื่องแย่ไปอีกถ้า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะที่การเติบโตเศรษฐกิจยะงชะลอตัว“
สรุป
สงครามการค้าส่งผลกระทบต่อกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เพราะเป็นซัพพลายเออร์ที่ส่งออกสินค้าต่อเนื่องไปยังจีน ขณะเดียวกันยังรับผลกระทบจากค่าเงินกลุ่มประเทศเหล่านี้อ่อนค่าลง ระยะต่อไปปัจจัยที่ต้องจับตามองคือความเคลื่อนไหวของFED และมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา