สงครามการค้ารอบใหม่? จีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ตอบโต้ ปธน. ทรัมป์

หลังจากปธน. ทรัมป์ ลงนามกฏหมายฉบับใหม่ โดยขึ้นภาษีที่นำเข้าจากจีน 1,300 รายการ โดยหวังว่าจะทำให้ทางสหรัฐมีรายได้เพิ่มอีกประมาณ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ล่าสุดนี้ทางการจีนโต้กลับในเรื่องนี้แล้ว

การตอบโต้ของจีนเริ่มขึ้นจากเมื่อคืนที่ผ่านมาทางปธน. ทรัมป์ ได้ลงนามในข้อกฏหมายใหม่ ต่อเนื่องจากการขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งคราวนี้คือการขึ้นภาษีสินค้าจากจีน 1,300 รายการ โดยเน้นไปที่กลุ่มสินค้าที่จีนได้เปรียบทางเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ทาง สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ เสนอการตั้งข้อจำกัดของการลงทุนจากจีนในสหรัฐอเมริกาด้วย จุดประสงค์คือลดการขาดดุลทางการค้ากับประเทศจีนให้มากกว่าเดิม

จีนโต้กลับ

ล่าสุดในวันนี้ทางการจีนได้โต้กลับรัฐบาลสหรัฐ โดยเล็งเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 128 รายการ เช่น หมู ผลไม้ รวมไปถึงเศษเหล็กและอลูมิเนียม เพื่อตอบโต้ทางรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งคาดว่ามีมูลค่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการตอบโต้กลับครั้งแรกของทางการจีนในเรื่องของการทำสงครามการค้าระหว่างสองประเทศนี้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้แถลงว่าจีนจะใช้มาตราการทุกๆ ทาง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ

Pang Zhongying อาจารย์จากมหาวิทยาลัย Ocean ในเมือง Qingdao ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องนโยบายการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ มองว่าการตอบโต้ของจีนไม่สมเหตุสมผลเพราะว่ามูลค่าในการเก็บภาษีจากสหรัฐน้อยกว่าสิ่งที่สหรัฐกำลังจะทำอยู่

Shi Yinhong อาจารย์ภาคความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัย Renmin กล่าวว่าทางการจีนก็น้ำท่วมปากในเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะว่าไม่รู้จะงัดมาตรการอะไรมาตอบโต้รัฐบาลของ ปธน. ทรัมป์ เพราะถ้าใช้มาตรการรุนแรงเกินไป เศรษฐกิจของจีนก็ได้รับผลกระทบหนักมากเช่นกัน

Goldman Sachs ยังมองผลกระทบจำกัดสำหรับสหรัฐ

บทวิเคราะห์ของทาง Goldman Sachs ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่ มองว่าสำหรับเรื่องการขึ้นภาษีนี้อาจทำให้เกิดผลกระทบน้อยสำหรับสหรัฐ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดอีกทีว่าสหรัฐนั้นกีดกันประเภทสินค้าอะไรบ้าง ซึ่งรายชื่อประเภทสินค้าจะแล้วเสร็จในอาทิตย์หน้า โดยมุมมองของ Goldman Sachs มองว่าสินค้าส่วนใหญ่ที่น่าจะได้รับผลกระทบเต็มๆ คือจะเน้นไปที่สินค้าที่จะผลิตในจีนภายใต้แคมเปญ Made in China 2025 ซึ่งสินค้าบางชนิดมีปัญหากับความมั่นคงของสหรัฐด้วย

ผลกระทบกับไทย

บริษัทหลักทรัพย์ Maybank Kim Eng มองว่าไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาประมาณ 7% ของ GDP และเกินดุลการค้ากับสหรัฐด้วย โดยเบื้องต้นทาง Maybank Kim Eng มองว่าจะมีผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจไทย แต่ระยะกลางจะต้องดูรายละเอียดประเภทการกีดกันสินค้า และการปิดกั้นสินค้าที่ส่งออกจากไทยไปสหรัฐ แต่อาจมีโอกาสทำให้เพิ่มการส่งออกไปที่ประเทศจีนมากขึ้น

ที่มา – Financial Times, หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ, บทวิเคราะห์จาก Goldman Sachs และ MBKET

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ