Toys “R” Us เครือร้านของเล่นรายใหญ่ของโลก ยื่นขอล้มละลายต่อศาลในสหรัฐอเมริกา หลังจากมีปัญหาหนี้สะสมมายาวนาน และยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้
ร้าน Toys “R” Us ก่อตั้งในปี 1948 และเข้าขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มาตั้งแต่ปี 1978 ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 1,948 แห่งใน 38 ประเทศทั่วโลก (รวมแบรนด์ลูก Babies “R” Us สำหรับสินค้าเด็กทารก) โดยมีสาขาในประเทศไทย 12 สาขา (ตัวเลขจากรายงานผลประกอบการปี 2016) บริษัทมีพนักงานทั้งหมด 64,000 คนทั่วโลก และในช่วงเทศกาลปลายปีที่มีการซื้อของเล่นกันมาก ตัวเลขพนักงานแบบพาร์ทไทม์ที่จ้างเพิ่มด้วยจะรวมเป็น 107,000 คน
ถึงแม้ว่า Toys “R” Us เป็นร้านขายของเล่นที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก (11,540 ล้านดอลลาร์ในปี 2016) แต่บริษัทก็ประสบปัญหาขาดทุนมายาวนาน และต้องขายกิจการให้กลุ่มบริษัทลงทุนที่นำโดย Bain Capital เพื่อออกจากตลาดหลักทรัพย์ในปี 2005 ด้วยมูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์
Toys “R” Us ประสบปัญหาทางธุรกิจมาตั้งแต่การแข่งขันจากร้านค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Walmart หรือ Target ที่หันมาขายของเล่นแข่งกับร้านของเล่นแบบเดี่ยวๆ อย่าง Toys “R” Us ไล่มาจนถึงการต่อสู้กับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon นอกจากนี้ ธุรกิจขายของเล่นยังอิงกับฤดูกาลสูง เพราะบริษัทต้องสั่งซื้อสต๊อกของเล่นจำนวนมากมาขายในช่วงปลายปี ในขณะที่ช่วงอื่นของปีจะมียอดขายไม่เยอะนัก บริษัทจึงต้องกู้เงินเพื่อซื้อของเล่นสต๊อก และส่งผลให้มีหนี้สะสมมาก ปัจจุบันตัวเลขหนี้จากการกู้เงินอยู่ที่ 465 ล้านดอลลาร์ (มกราคม 2017) แต่ช่วงที่กู้เงินมากที่สุด ยอดการกู้จะพุ่งสูงถึง 1,331 ล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมา Toys “R” Us พยายามผลักดันการขายของเล่นผ่านอีคอมเมิร์ซ ทั้งการขายผ่านเว็บไซต์แล้วส่งไปรษณีย์โดยตรง หรือการสั่งผ่านเว็บไซต์แล้วให้ลูกค้าไปรับที่หน้าร้าน แต่ก็ยังไม่เป็นผลมากนัก ผลประกอบการในปี 2016 บริษัทมียอดขาย 11,540 ล้านดอลลาร์ ขาดทุน 29 ล้านดอลลาร์ บริษัทมีผลขาดทุนต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2014 ขาดทุนสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ แล้วค่อยๆ ปรับปรุงผลประกอบการให้ดีขึ้นจนเกือบเป็นบวกในปีล่าสุด
การยื่นขอล้มละลาย เป็นโอกาสของ Toys “R” Us ในการปรับโครงสร้างหนี้ และช่วยให้บริษัทจัดการกระแสเงินสด รวมถึงจำนวนสาขาได้ดีขึ้น ทางรอดของ Toys “R” Us ในระยะสั้นคือการปรับขนาดของตัวเองให้เล็กลง แต่มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น
ซีอีโอคนปัจจุบันของ Toys “R” Us คือ Dave Brandon ที่เคยเป็นซีอีโอของ Domino’s Pizza มาก่อน เขามีชื่อเสียงจากการพลิกฟื้นกิจการ Domino’s Pizza ให้กลับมาทำกำไร และเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของ Toys “R” Us ในปี 2015 ซึ่งสถานะการเงินของ Toys “R” Us ก็เริ่มกระเตื้องขึ้นในปี 2016 การยื่นขอล้มละลายจะถือเป็นการต่อเวลาให้ Brandon สามารถฟื้นฟูกิจการได้อีกระยะหนึ่ง
ข้อมูลจาก ผลประกอบการ Toyr “R” Us และ Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา