ในยุคที่ของเล่นไม่ใช่การละเล่นเดียวของเด็กๆ อีกต่อไป แถมหลายประเทศอัตราการเกิดน้อยลงทุกวัน ธุรกิจของเล่นจะอยู่รอดได้อย่างไร?
เด็กเกิดน้อย ‘ของเล่น’ ท้าทาย หันขายให้ผู้ใหญ่
‘Toys “R” Us’ ร้านของเล่นรายใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียเองก็เห็นความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดย ‘Leo Tsoi’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทอยส์ “อาร์” อัส เอเชีย ยอมรับว่าอัตราการเกิดต่ำในประเทศไทยอาจเป็นความท้าทายของตลาดของเล่นแบบดั้งเดิม
แต่ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ขยายธุรกิจไปสู่ตลาด ‘ผู้ใหญ่’ หรือที่เรียกว่า ‘Kidult’ ผู้ใหญ่ที่ยังมีความเป็นเด็กมากขึ้น โด Toys R Us กำลังมุ่งเจาะตลาด Kidult ในไทย เพราะเป็นตลาดที่มีประชากรอายุน้อยกว่า 35 ปีมากถึง 40% ของประเทศ
ปัจจุบันแบรนด์มีลูกค้ากลุ่ม Kidult อยู่ราวๆ 12% และหวังจะขยับสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้ให้เป็น 30% ในอนาคต
ตีตลาด Kidult ด้วยกล่องสุ่ม
Tsoi เล่าว่า การจะตีตลาด Kidult ได้ สินค้าจะต้องเป็นสินค้าแฟชัน ไม่ก็สินค้าสะสม หรือสินค้าที่สามารถใช้งานได้จริง ในรายละเอียดดังต่อไปนี้
- Fashionable สินค้าแฟชัน: ทางบริษัทได้ร่วมมือกับนักออกแบบมากมายจากวงการป๊อป เพื่อผลิตสินค้าประเภทนี้
- Collectible สินค้าสะสม: เช่น ฟิกเกอร์รุ่นลิมิเต็ด หรือสินค้าจากแบรนด์ยอดนิยม อย่าง หมวก Transformer
- Usable สินค้าที่ใช้ได้จริง: มีฟังก์ชันและใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน โดยยังคงความสนุกสนาน เช่น กระเป๋า หรือเคสโทรศัพท์
Tsoi ยังบอกอีกว่า 50% ของสินค้าที่ขายดีที่สุดในหมู่ Kidult ไทยคือ ‘กล่องสุ่ม’ โดยสินค้าขายดีอันดับ 1 คือ ‘หมีเนย’ หรือ ‘Butterbear’ นั่นเอง
ตลาดของเล่น ‘เกมออนไลน์’ เจาะได้ทั้งเด็ก-ผู้ใหญ่
อีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่สามารถเจาะกลุ่ม Kidult ได้คือตลาดเกมออนไลน์ โดย Tsoi อธิบายว่า ของเล่นหลายๆ ชิ้นภายในร้านเป็นสินค้าลิขสิทธิ์จากเกมยอดฮิต เช่น Roblox และ Genshin Impact
เมื่อผู้บริโภคมาซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องจาก Toys “R” Us พวกเขาก็สามารถนำมันไปสแกนเพื่อเล่นในเกมได้ด้วย สะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมต่อระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์
ที่สำคัญ Tsoi ยกตัวอย่างว่า Toys “R” Us เป็น 1 ใน 4 ของผู้จัดจำหน่ายสินค้าถูกลิขสิทธิ์ จากเกม Genshin Impact ดังนั้น บริษัทจึงเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในตลาดของเล่นเกมออนไลน์แน่นอน
ประเทศไทยคือตลาดสำคัญ อีก 5 ปียังโตต่อเนื่อง
Tsoi กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในแผนกลยุทธ์ของ Toys “R” Us Asia เนื่องจากมีประชากรวัยเยาว์กำลังเติบโตเยอะ แถมตัวเมืองยังขยายอยู่เรื่อยๆ
จากข้อมูลคาดการณ์ว่า ตลอด 5 ปีข้างหน้าอุตสาหกรรมของเล่นและเกมออฟไลน์ในไทย จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5%
ที่ผ่านมา Toys “R” Us ได้ร่วมมือกับศิลปินชาวไทยหลายคนทำ ‘คอลเล็กชันพิเศษ’ ที่ตอบโจทย์คนไทย ทำให้ต่อติดกับคนไทยมากขึ้นและทำให้ช้อปสนุกขึ้น ในปี 2025 บริษัทจะเน้นการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ผ่านการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย พร้อมกับเปิดตัวสินค้าพิเศษเพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค
รีโนเวทสาขาเก่า เปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์เพื่อคนทุกวัย
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนจะรีโนเวทสาขาปัจจุบันให้ตอบโจทย์คนไทยมากขึ้น รวมถึงล่าสุด ยังได้เปิดตัว Flagship Store แห่งล่าสุดที่ One Bangkok ภายใต้แนวคิด ‘Playful Heartland’ เน้นให้ทุกคนในครอบครัวมาจอยกันได้ รวมถึงกลุ่มคนทำงานและนักท่องเที่ยวด้วย
Playful Heartland คือสถานที่แห่งการเล่นสนุกสำหรับทุกช่วงวัย ออกแบบให้ทันสมัย ใช้เทคโนโลยี มีสินค้าหลายชนิด แต่ก็มีองค์ประกอบและสินค้าที่มีความเป็นไทย เพื่อตอบโจทย์เด็ก ครอบครัว รวมถึงกลุ่ม ‘Kidult’ ซึ่งหมายถึงผู้ใหญ่ผู้มีใจรักในของเล่น
ขนทัพความเอ็กซ์คลูซีฟมาที่ One Bangkok
ภายใน Flagship Store จะได้พบกับไฮไลต์ต่างๆ เช่น
- การออกแบบ ‘Portal to City Play’ ดีไซน์ทันสมัย เน้นความเรียบง่าย พร้อมสีสันที่กลมกลืนกับชีวิตในเมือง
- ความร่วมมือสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับแบรนด์ระดับโลก อาทิ LEGO, Barbie และ Hot Wheels รวมถึง ‘Rainbocorns’ ที่มาเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรก
- พื้นที่เล่นแบบ Interactive ให้ครอบครัวมาสร้างความทรงจำร่วมกัน
- สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น จากโซนพิเศษที่รวบรวมสินค้าสะท้อนวัฒนธรรมไทย
Tsoi เผยว่า “เราไม่ใช่แค่ร้านขายของเล่นแล้ว เราเป็นจุดหมายปลายทางที่ให้ผู้คนได้ค้นพบความสนุกสนานจากการเล่นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา