โตโยต้า แจ้งในงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีว่า บริษัทยืนยันจะพัฒนา และทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า Hybrid, Fuel Cell และแบบอื่น ๆ ต่อไป เพราะค่ายรถยนต์ไม่ควรบีบทางเลือกลูกค้าจนเหลือแต่รถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ BEV เท่านั้น
โตโยต้า ยังจริงจังกับ Hybrid และ Fuel Cell
Masahiko Maeda ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของโตโยต้า ชี้แจ้งหลังกองทุนบำนาญ AkademikerPension ส่งคำถามเกี่ยวกับการเข้ามาล็อบบี้ให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟ้ฟ้าล้วน หรือ BEV ช้าลง ว่า โตโยต้า มีเป้าหมายเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ แต่ลูกค้าต้องมีทางเลือกในการซื้อรถยนต์เช่นกัน
“ผู้ผลิตรถยนต์ไม่ควรกำหนดทางเลือกให้แคบลงจนเหลือแค่รถยนต์ไฟฟ้ารูปแบบเดียว เพราะผู้บริโภคมีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้รถยนต์แบบที่ต้องการ” Maeda กล่าว พร้อมยืนยันว่า บริษัทจะเดินหน้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบบ Fuel Cell และ Hybrid ต่อไป เพื่อตอบโจทย์ในตลาดต่าง ๆ ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าล้วน
ทั้งนี้ Toyota มีการลงทุนกว่า 8 ล้านล้านเยน หรือราว 2 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 16 มิ.ย. 2022) เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบบต่าง ๆ จนถึงปี 2030 โดยครึ่งหนึ่งของงบดังกล่าวจะใช้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าล้วน และตั้งเป้ายอดขายที่ 3.5 ล้านคันภายในปี 2030 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดขายปี 2021 ที่ทำได้ 10.5 ล้านคัน
เพื่อเดินหน้าไปให้ถึงเป้าหมาย ล่าสุด Toyota มีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่น bZ4X และเริ่มทำตลาดในญี่ปุ่น รวมถึงเตรียมขายในประเทศต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือไทย แต่บริษัทยังมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Hybrid รุ่นต่าง ๆ ควบคู่กันไปด้วย ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า Fuel Cell ยังมีการเดินหน้าทั้งฝั่งรถยนต์ส่วนบุคคล และรถเพื่อการพาณิชย์
ในทางกลับกันตัวแทนจากกองทุนบำนาญ AkademikerPension ออกมาชี้แจงว่า โตโยต้า เลือกที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการมีทางเลือกให้ผู้บริโภค ถือเป็นการตอบไม่ตรงคำถาม และหลีกเลี่ยงที่จะชี้แจงการเข้าไปล็อบบี้หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ใช้น้ำมันไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าล้วน
สรุป
รถยนต์ไฟฟ้าล้วน ยังต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม โดยเฉพาะสถานีชาร์จ ทำให้หลายประเทศอาจยังไม่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ แต่การอ้างเรื่องดังกล่าวของ โตโยต้า อาจไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะหากทุกฝ่ายช่วยกันทำให้ทุกอย่าพร้อม โอกาสที่ผู้บริโภคจะขยับไปใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และลดการปล่อยมลพิษก็มีสูง
อ้างอิง // Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา