แม้ยอดขายในไตรมาส 3 จะเติบโตเกือบ 3% คิดเป็น 7.8 ล้านล้านเยน (ราว 2.2 ล้านล้านบาท) แต่ Toyota กลับมีปัญหาเรื่องกำไร เพราะทำได้ 1.8 แสนล้านเยน (ราว 51,000 ล้านบาท) หรือ 1 ใน 5 ของที่ทำได้ในปีที่แล้ว
ยอดขายดี แต่กำไรไม่โตเป็นอย่างที่ควร
ยอดขายไตรมาสที่ 3 ในปีงบประมาณล่าสุดของ Toyota (ต.ค.-ธ.ค. 2561) นั้นทำได้ 7.8 ล้านล้านเยน มากว่า 3% จากที่เคยทำได้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้วที่ 7.6 ล้านล้านเยน เนื่องจากผลตอบรับของ Camry รุ่นใหม่, กระแสรักสิ่งแวดล้อมจาก Prius และ Lexus ที่ตอบโจทย์ตลาดรถหรูทำได้ดีทั้งหมด
อย่างไรก็ตามเมื่อมองในแง่กำไรแล้ว ไตรมาส 3 ของ Toyota นั้นดูไม่ดีเอาเสียเลย เนื่องจากทำได้เพียง 1.8 แสนล้านเยน คิดเป็นเพียง 1 ใน 5 ของที่เคยทำได้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หรือ 9.4 แสนล้านเยน (ราว 2.6 แสนล้านบาท) เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวได้อานิสงส์จากการปรับโครงสร้างภาษีของสหรัฐอเมริกา
ขณะเดียวกันการที่ผลกำไรออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจขนาดนี้ก็มาจากปัจจัยเรื่องหุ้นเช่นเดียวกัน และทำให้บริษัทตัดสินใจปรับลดผลกำไรคาดการณ์ของปีงบประมาณนี้ที่จะสิ้นสุดเดือนมี.ค. 2562 เหลือ 1.8 ล้านล้านเยน (ราว 5.1 แสนล้านบาท) จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.3 ล้านล้านเยน (ราว 6.5 แสนล้านบาท)
ที่สำคัญตัวมูลค่ากำไรดังกล่าวยังน้อยกว่าที่เคยทำได้ในปีงบประมาณก่อนหน้าที่ 2.5 ล้านล้านเยน (ราว 7.1 แสนล้านบาท) ส่วนคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Honda ก็แจ้งว่าไตรมาส 3 มีกำไรลดลง 71% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เหลือ 1.6 แสนล้านเยน (ราว 45,000 ล้านบาท) เนื่องจากการควบคุมต้นทุน และปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
สรุป
เรียกว่ามีปัญหากันถ้วนหน้าสำหรับค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่น อาจเพราะการไม่สามารถตอบโจทย์ตลาดได้ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะเบอร์หนึ่งของประเทศอย่าง Toyota ที่ยากจะกลับมาเป้นเบอร์หนึ่งในตลาดโลก เพราะ Volkswagen ก็ยังแข็งแกร่ง ประกอบกับกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi ก็เร่งเครื่องเต็มที่อีกด้วย
อ้างอิง // Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา