Toyota แจ้งผลประกอบการ 9 เดือนของปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2023 มีกำไรสุทธิ 1.89 ล้านล้านเยน ลดลง 18% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เหตุการดำเนินงานยังมีปัญหาจากชิปขาดแคลน และต้นชิ้นส่วนเพิ่มขึ้น
Toyota ผลประกอบการ 9 เดือนแรกลดลง 18%
Toyota Motor รายงานผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2023 (เม.ย. 2022-ธ.ค. 2022) มีกำไรสุทธิทั้งหมด 1.89 ล้านล้านเยน ลดลง 18% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน แต่ยังคงเป้ากำไรสุทธิทั้งปีงบประมาณที่ 2.36 ล้านล้านเยน หรือลดลง 17.2%
ด้านกำไรจากการดำเนินงาน 9 เดือนแรกอยู่ที่ 2.09 ล้านล้านเยน ลดลง 17% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ผ่านปัจจัยหลักเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ และชิ้นต่าง ๆ ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนรายได้ช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 27.5 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
Toyota จำหน่ายรถยนต์ได้ 7.2 ล้านคัน ในช่วง 9 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 0.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากตลาดเอเชีย และประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ที่ต่างกำลังฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหาจากการระบาดของโรคโควิด-19
รถยนต์ไฟฟ้าล้วนขายได้ 20,000 คัน
ภาพรวมการจำหน่ายรถยนต์ของ Toyota ช่วง 9 เดือนแรกเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน หรือ Battery Electric Vehicle (BEV) ราว 20,000 คัน เพิ่มขึ้น 1.7 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดย Toyota ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ 3.5 ล้านคัน ภายในปี 2030
เมื่อเจาะไปที่ผลประกอบการไตรมาส 3 (ต.ค. 2022-ธ.ค. 2022) พบว่า Toyota ทำกำไรจากการดำเนินงานได้ 9.56 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นครั้งแรกที่เติบโตในรอบ 5 ไตรมาส เนื่องจากค่าเงินเยนอ่อน และจำนวนยอดขายที่มากกว่าเดิมนช่วยชดเชยต้นทุนชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ปรับตัวสูง
ตัวเลขดังกล่าวเหนือการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ 25% ส่วนกำไรสุทธินั้นมากกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อย ในทางกลับกัน Toyota ได้ลดจำนวนการผลิตคาดการณ์ลง 1 แสนคัน เหลือ 9.1 ล้านคันในปีงบประมาณนี้ แต่ยังคงเป้ายอดขายที่ 9.4 ล้านคันทั่วโลกเช่นเดิม โดยตลาดญี่ปุ่น และอื่น ๆ จะเติบโต ยกเว้นในยุโรป กับเอเชียที่หดตัว
สรุป
Toyota อาจจะยังเป็นเบอร์หนึ่งเรื่องยอดขายรถยนต์โลกอีกปี แต่เมื่อเทียบความเข้มข้นในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนกับ Volkswagen และ Hyundai-Kia จะพบว่า Toyota ยังช้ากว่าสองค่าย และยิ่งแผนธุรกิจของ Toyota ยังพัฒนารถเครื่องสันดาปภายใน, รถยนต์ไฟฟ้า Hybrid, ไฟฟ้าล้วน และ Fuel-Cell ไปพร้อมกัน ก็ยิ่งดูว่ามันจะยังคงช้าอยู่แน่นอน
อ้างอิง // Nikkei Asia
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา