ชาวอเมริกันถอดประสบการณ์อยู่กรุงเทพฯ มา 10 ปี แนะนำนักท่องเที่ยวว่า ถ้าอยากมาเยือน อย่าทำ 7 เรื่องนี้
Orion Ray-Jones ย้ายจากเมืองบรูคลิน นิวยอร์กมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2013 นับถึงวันนี้ก็ 10 ปีแล้ว เขาบอกว่าเขาตกหลุมรักกรุงเทพฯ เมืองเทพสร้างมาก เขาให้สัมภาษณ์ผ่าน Insider ไว้ว่า เขากับภรรยาตัดสินใจย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะผู้คน เขาบอกว่าไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีวัฒนธรรมต้อนรับผู้คนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
การจัดอันดับจาก 200 เมืองทั่วโลกโดย Mastercard ระบุว่า กรุงเทพฯ ติดอันดับเมืองที่มีคนมาเยือนมากที่สุดในโลกโดยเฉพาะในช่วงปี 2016-2019 แค่ปี 2019 ปีเดียว มีนักท่องเที่ยวมาใช้เวลาอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างน้อย 1 คืนมากกว่า 22 ล้านรายแต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดลงหลังเกิดโควิดระบาด แน่นอนว่ากรุงเทพฯ ก็หลุดจากอันดับเมืองที่มีคนมาเยือนมากที่สุดในโลกไปด้วย
Ray-Jones พบว่า กรุงเทพฯ คือจุดสมดุลที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาทั้งในเรื่องประสบการณ์ที่สร้างความตื่นเต้นและความสะดวกสบาย มันจะมีร้านรวงเล็กๆ ที่มีเสน่ห์แฝงตามตรอกซอกซอยต่างๆ มีศิลปะซุกซ่อนอยู่ บางทีก็มีเชฟที่พร้อมรังสรรค์อาหารชั้นเลิศซ่อนอยู่ด้วย เขาบอกว่าตั้งแต่ที่เขามาอยู่อาศัย ยังไม่พบเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเบื่อกรุงเทพฯ ได้เลย
เขาบอกว่าคนไทยใจดีและมีความอดทนสูงต่อชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวมาก แต่เขาก็พบว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากมักจะทำเรื่องผิดพลาดเหมือนๆ กัน เมื่อมาเยือนเมืองนี้ และนี่คือ 7 ข้อที่เขาแนะนำว่าอย่าทำเลย หากคิดมาเยือนกรุงเทพฯ ประเทศไทย
7 ข้อแนะนำที่ไม่ควรทำ เมื่อมาเยือนกรุงเทพฯ
เรื่องแรก อย่าเดินเท้าเพื่อเที่ยวชมเมือง ให้ใช้รถไฟฟ้าหรือไม่ก็ใช้แอปฯ เรียกรถ
เขาบอกว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่เมืองที่เหมาะแก่การเดินเท้า อากาศมันร้อน การจราจรติดขัด ผังเมืองมันไม่เอื้อให้คนเดินเท้าได้สะดวก เดินไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่า บางแห่งก็ไม่มีทางเท้าให้เดินเสียอย่างนั้น
วิธีเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมเมืองหลวงของไทยทำได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน หรือจะใช้บริการแอปเรียกรถก็ได้ มีทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ราคาไม่แพง และอย่าลืมใช้บริการตุ๊กตุ๊กที่นิยมใช้กันมากสำหรับนักท่องเที่ยว เขาแนะนำว่าอย่าปั่นจักรยานชมเมือง เว้นแต่ว่าจะมีลูกบ้าพอๆ กับเขา ก็สามารถทำได้
เรื่องที่สอง อย่าเชื่อฉากทัศน์ ภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ จากหนังฮอลลีวูด เมืองหลวงนี้มีอะไรน่าสนใจมากกว่าย่านโคมแดง
Ray-Jones บอกว่า ก่อนที่จะมาเที่ยวกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวบางคนอาจจะติดภาพจำจากหนังเรื่อง The Hangover 2 และ The Beach และก็คาดหวังว่าภาพของกรุงเทพฯ จะเป็นเหมือนในหนัง นักท่องเที่ยวจำนวนมากคิดว่ากรุงเทพฯ ก็คือแหล่งของย่านโคมแดงและมีบรรยากาศเหมือนแถวตรอกข้าวสารดีๆ นี่แหละ
จริงๆ แล้วพวกนี้มันเป็นแค่ส่วนยิบย่อยของเมืองเท่านั้น เมืองนี้มีพลวัตร มีย่านวัฒนธรรมที่เป็นเสน่ห์ มีทั้งวัด ทั้งพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีความโดดเด่นมากกว่าซอยคาวบอยที่เป็นย่านพบปะสังสรรค์กันในยามค่ำคืนเสียอีก
เรื่องที่สาม จงหลีกเลี่ยงที่จะพูดเชิงลบเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์และศาสนาพุทธ
พระมหากษัตริย์และศาสนาพุทธคือเสาหลักของวัฒนธรรมไทยมานานนับร้อยปี คนพื้นที่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมหากจะพูดถึงสถาบันเหล่านี้ไม่ว่าทางใดก็ตาม อีกทั้งไทยยังมีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ใครก็ตามที่หมิ่นประมาทหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายก็จะต้องมีโทษจำคุกด้วย
ส่วนพระพุทธรูปก็เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป การสักรูปพระพุทธรูปหรือทำภาพปรินท์ลายลงบนเสื้อ หรือแม้แต่นำไปเป็นของประดับตกแต่งบ้านก็จะไม่ได้รับการยอมรับจากคนไทย
เรื่องที่สี่ ระวังโดนหลอก เมื่อไรก็ตามที่คิดจะไปเยือนแหล่งท่องเที่ยว
เขาบอกว่า กรุงเทพฯ ขึ้นชื่อเรื่องหลอกลวงมาก เมื่อคนในพื้นที่หลอกนักท่องเที่ยวว่าพระราชวังปิดเพื่อซ่อมแซมบ้าง ปิดเพราะวันหยุดบ้าง นักท่องเที่ยวมักจะถูกโน้มน้าวให้ใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กราคาถูกและหลอกให้พาไปที่อื่นแทน เช่น ไปห้องเสื้อหรือร้านเครื่องประดับที่ราคาแสนแพงแต่คุณภาพต่ำเพื่อที่เขาจะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการพาลูกค้าชาวต่างชาติไปให้
จงหลีกเลี่ยงการหลอกลวงเหล่านี้ พยายามจองทัวร์จากบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ หากว่าต้องการจะไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้จริงๆ ก็ต้องใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลและเลือกบริการจองรถผ่านแอปแทน
เรื่องที่ห้า พยายามอย่าแสดงความรักกับคนรักอย่างออกนอกหน้าในที่สาธารณะ
การกอด การจูบในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ในกรุงเทพฯ แม้ว่าคุณจะมาเที่ยวกับคนรักของคุณเองก็ตาม แค่จับมือบางทีก็ยังดูไม่เหมาะสมเลย ในกรุงเทพฯ นิยมแสดงความรักต่อคนรักในที่ลับ ถ้าหากว่าอยากจะแสดงความรักต่อคนรักก็ให้แสดงออกแบบไทยๆ ด้วยการไปที่ห้างและหาซื้อชุดคู่ใส่ด้วยกันแทน
เรื่องที่หก อย่าคิดไปเองว่าทางข้ามม้าลายจะเป็นหนทางที่ถูกต้องในการข้ามถนน และจงระวังให้มากเมื่อคิดจะข้ามถนน
ไทยคือหนึ่งในประเทศที่มีการใช้ถนนอันตรายที่สุดของโลก มีรายงานระบุว่ามีอุบัติเหตุบนท้องถนนจนคร่าชีวิตผู้คนราว 23,000 คนทุกปี ในกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวอาจจะพบว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนขับรถกับทางข้ามถนนนั้นแตกต่างจากประเทศอื่นๆ เช่น เมื่อมีรถส่งสัญญาณด้วยการเปิดไฟกระพริบมายังคุณที่กำลังคิดจะข้ามถนน มันไม่ได้หมายความว่าเขาปล่อยให้คุณข้ามถนนได้ แต่มันหมายความว่าเขาส่งสัญญาณเตือนแล้วว่า รถจะไม่ขับช้าลงนะ จงระวังตัวด้วย
เรื่องที่เจ็ด อย่าพูดเสียงดังและอย่ามีท่าทีเกรี้ยวกราด
Ray-Jones บอกว่า วัฒนธรรมของไทยคือการไม่เผชิญหน้า คุณจะได้รับความเคารพมากขึ้นถ้าคุณฝึก “ใจเย็น” แทนที่จะหาทางถกเถียงเพื่อหาทางออกจากเรื่องที่คุณไม่เห็นด้วย ไม่ว่าคุณจะตื่นเต้นหรือหัวเสียขนาดไหนก็ตาม ขอให้ใจเย็นและหลีกเลี่ยงที่จะขึ้นเสียง
เมื่อคุณต้องต่อรองราคาสินค้าหรือเมื่อคุณรู้สึกหงุดหงิด จงหลีกเลี่ยงที่จะใช้การตะคอก การใช้โทนเสียงดังๆ หรือแสดงท่าทีจู้จี้จุกจิก หัดใจเย็น คุมโทนเสียงให้ต่ำ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนดูมีความสุขมากในกรุงเทพฯ เพราะว่าเขาปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยท่าทีที่ดูอ่อนโยน
โย่วและนี่คือเสียงของฝรั่ง ที่แนะนำว่านักท่องเที่ยวทั้งหลาย หากคิดจะมาเยือนกรุงเทพฯ อย่าทำเลย รู้ทันขนาดนี้ มีอะไรมากกว่านี้อีกมั้ย??
ที่มา – Insider, Mastercard
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา