หลายคนอาจติดตามข่าว Toshiba ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักจากธุรกิจโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสหรัฐอเมริกา ล่าสุดทางสำนักงานใหญ่ของ Toshiba ที่ญี่ป่นได้ประกาศตัดสินใจแยก 4 ธุรกิจหลักออกเป็น 4 บริษัทในเครือ โดยคาดว่าจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้ และมีผลให้พนักงาน 19,000 คนถูกแยกย้ายไปประจำในบริษัทใหม่
แยก 4 ธุรกิจ หวังสร้างประสิทธิภาพ
การแยกธุรกิจหลักเป็นบริษัทครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการป้องกันไม่ให้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตจากธุรกิจโรงไฟฟ้านิวเคีลยร์ในสหรัฐอเมริกา โดย 4 ธุรกิจหลักดังกล่าว ประกอบด้วย ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโครงการบำบัดน้ำเสียและธุรกิจทางรถไฟ, ธุรกิจด้านพลังงาน รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังความร้อน และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์, ธุรกิจด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ data storage และ hard-disk สุดท้ายคือ ธุรกิจด้านไอซีที
สำหรับในการแยกธุรกิจเป็นบริษัทในเครือ เพิ่มเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความคล่องตัวและอิสระในการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และแน่นอนว่าความรับผิดชอบในการบริหารจัดการก็จะชัดเจนขึ้น
ความหวาดหวั่นที่ Toshiba ต้องเร่งดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเฉพาะหน้าอีกประการของ Toshiba คือใบอนุญาตประกอบธุรกิจบางอย่างที่กำลังจะหมดอายุในเดือน ธ.ค. 60 ซึ่งปกติจะต้องดำเนินการต่อทุกๆ 5 ปี เช่น การเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรขนาดใหญ่เกี่ยวกับโรงงานผลิตไฟฟ้า หรือ โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งใบอนุญาตเหล่านี้จะออกให้เฉพาะบริษัทที่มีสถานะทางการเงินที่ดี แต่ปัญหาการขาดทุนอย่างหนักของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสหรัฐอเมริกาอาจเป็นผลให้ Toshiba ไม่ได้รับสิทธิ์ในการต่อใบอนุญาตดังกล่าว
การแยกธุรกิจออกเป็นบริษัทจะเริ่มดำเนินการประมาณเดือน ก.ค. นี้ โดยแยกธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน, ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจไอซีทีออกไปก่อน จากนั้นธุรกิจด้านพลังงานจะตามออกไปประมาณเดือน ต.ค. พนักงานกว่า 19,000 รายจะยังคงได้ค่าจ้างตามเดิม แต่อนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามประสิทธิภาพของธุรกิจแต่ละบริษัทที่แยกออกไป
สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากคือการดำเนินการดังกล่าว ทำให้พนักงานจำนวนหนึ่งรู้สึกขาดความเชื่อมั่น ซึ่งจะส่งผลให้เป็นเรื่องยากสำหรับ Toshiba ในการรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้กับบริษัท ท่ามกลางเส้นทางที่ยากลำบากในอนาคต
ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทย Toshiba มีโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง hard-disk ในเบื้องต้นยังไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
source: asia.nikkei
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา