เปิดโผ Top 10 ประเทศที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับชาวต่างชาติในการทำงานและใช้ชีวิต

ประเทศที่ปลอดภัยและน่าอยู่ที่สุด มักอยู่ในยุโรป และมักจะมีประเทศในเอเชีย 2 แห่ง ที่ติดลิสต์บ่อยๆ มักเป็นสิงคโปร์และไทย แต่คราวนี้ เป็นสิงคโปร์กับมาเลเซีย

การจัดอันดับนี้ทำโดย Insurer William Russell บริษัทที่ก่อตั้งมาแล้ว 30 กว่าปีและมีลูกค้าชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ต่างแดน หรือชาว Expat มาทำประกันด้วย และนี่คือ 10 ประเทศที่เขาจัดอันดับประจำปี 2025 โดยพิจารณาตามปัจจัยเหล่านี้ สเถียรภาพทางการเมือง การก่ออาชญากรรมในประเทศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ด้านสาธารณสุข ความปลอดภัยไซเบอร์ และอื่นๆ

การพิจารณาตามปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น อาศัยข้อมูลจาก Global Peace Index และ World Risk Report ประจำปี 2024 ด้วย ซึ่งประเทศที่ปลอดภัยที่สุดมักมีลักษณะคล้ายๆ กัน เช่น มีความมั่งคั่งสูง มีสวัสดิการและมีการศึกษาที่ดี

Iceland

1. ไอซ์แลนด์

ประเทศที่มาแรงที่สุดในยุโรป และชื่อไม่ค่อยคุ้นหู คุ้นตาเท่าไร กลับเป็นไอซ์แลนด์ ไม่ใช่สวิตเซอร์แลนด์ประเทศตัวเก็งที่ใครๆ ก็คุ้นชินกับการขึ้นเป็นอันดับ 1

จากสถิติพบว่า ประเทศไอซ์แลนด์มีประชากรกว่า 20% คือชาวต่างประเทศ แถมยังติดอันดับท็อปของลิสต์ Global Peace Index ตั้งแต่ปี 2008 เพราะมีจำนวนการก่ออาชญากรรมต่ำและหลีกเลี่ยงที่จะมีความขัดแย้งกับต่างประเทศ แม้จะมีอาหารราคาแพง มีแสงแดดที่จำกัดในช่วงหน้าหนาว แต่มีทิวทัศน์ที่ดี มีระบบให้บริการสาธารณะคุณภาพสูง และยังปลอดภัย จึงดึงดูดแรงงานต่างชาติให้มาทำงานด้วยค่อนข้างมาก

2. ไอร์แลนด์

ประเทศนี้ก็มีการก่ออาชญากรรมที่ลดลง มีการยอมรับผู้อพยพ และมีสถานะทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีสเถียรภาพ เคยมีชาวต่างชาติที่ย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่ก็เพราะรู้สึกปลอดภัยมาก โดยเฉพาะกฎหมายปืนที่เข้มงวด

3. ออสเตรีย

ประเทศนี้ ทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกปลอดภัยเพราะมีระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่ง มีระบบรางสำหรับการเดินทางที่ยอดเยี่ยม และยังมีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำด้วย ไม่ใช่แค่ William Russell ที่จัดอันดับให้ แต่ The Economist ก็เคยจัดอันดับให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกประจำปี 2024 เป็นปีที่สามติดต่อกัน

4. นิวซีแลนด์

ประเทศที่ติดอันดับต้นๆ เรื่องความน่าอยู่ไม่แพ้ประเทศไหน และยังทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกว่ามาอยู่อาศัยง่าย ทั้งนักลงทุนและกลุ่ม digital nomads

แม้จะประสบปัญหาเศรษฐกิจอยู่บ้าง มีปัญหาเรื่องน้ำทะลหนุนสูงจนทำให้เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่บ้าง แต่เรื่องก่ออาชญากรรมก็มีน้อยมากและยังเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติได้เติบโตในหลายสาขาอาชีพ เช่น วิศวกรรม การแพทย์ และอื่นๆ

5. สิงคโปร์

แม้จะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องความแพงระยับ ทั้งการอยู่อาศัยและทำธุรกิจ แต่ก็ยังเป็นประเทศที่ดึงดูดแรงงานต่างชาติเพราะค่าแรงสูง มีไลฟ์สไตล์หรูหรา มีทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อการเดินทางทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถมยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบสาธารณสุขดีที่สุดติดอันดับโลกอีกด้วย

แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้างเรื่องประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยทางดิจิทัล

6. สวิตเซอร์แลนด์

ประเทศที่โด่งดังเรื่องความเป็นกลางทางการเมือง สะท้อนให้เห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะขัดแย้งกับนานาชาติค่อนข้างน้อยมาก และยังมีการก่ออาชญากรรมต่ำ มีการเมืองที่มีเสถียรภาพ ส่วนเมืองที่ต่างชาติชื่นชอบมากๆ ก็คือ Zurich, Geneva, Basel และ Bern หลากหลายเมืองที่ขึ้นชื่อว่าแพงมากที่สุดติดอันดับโลกสำหรับชาวต่างชาติเช่นกัน

7. โปรตุเกส

ดึงดูดชาวอเมริกาเหนือค่อนข้างมาก หลายคนต่างชื่นชมว่ามีระบบสาธารณสุขที่เข้าถึงได้ เป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิตและ Work-life balance ที่ดี แถมดัชนี Global Peace Index ปี 2024 ก็จัดให้อยู่อันดับที่ 7 ของโลกที่มีความปลอดภัย มีเสถียรภาพทางการเมืองสูงและมีอัตราการก่ออาชญากรรมรุนแรงต่ำ

8. เดนมาร์ก

นอกจากเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงแล้ว ก็ยังมี Work-life balance ที่ดีอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่มีวัฒนธรรมการทำงานที่มีวันหยุดพักร้อนเป็นระยะเวลายาวนานในช่วงฤดูร้อน พนักงานจะได้รับวันลาพักร้อนแบบมีเววินเดือนให้อย่างน้อย 5 สัปดาห์ต่อปี

9. สโลวีเนีย

ประเทศสโลวีเนียติดอันดับ OECD Better Life Index และถือว่ามีความโดดเด่นในเรื่องความปลอดภัยสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก จากข้อมูลพบว่า ผู้คน 91% ของประเทศรู้สึกปลอดภัยเมื่อต้องเดินคนเดียวในช่วงกลางคืน และยังมีอัตราการฆาตกรรมต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่ม OECD ด้วย

10. มาเลเซีย

กลายเป็นประเทศมาแรงในเอเชีย รองจากสิงคโปร์ เนื่องจากมาเลเซียไม่มีความวุ่นวายปั่นป่วนทางการเมือง และรัฐบาลยังเปิดทางให้มีการลงทุนในสตาร์ทอัพมากขึ้นด้วยการส่งสัญญาณว่าจะเป็น Silicon Valley แห่งเอเชียด้วย และยังพยายามที่จะเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้าไปทำงานได้สะดวก ซึ่งก็มีค่าครองชีพต่ำ เข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ เป็นต้น

ที่มา – Business Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา