ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทย-ตลาดหุ้นโลกดูสดใส หลายบริษัททั่วโลกราคาหุ้นขึ้นไปสูง แต่ไม่ได้แปลว่าหลังจากนี้ราคาหุ้นจะตกไม่ได้ ว่าแต่มีปัจจัยอะไรที่ต้องจับตามอง หรือมีหุ้นไหนน่าสนใจบ้าง?
ทิสโก้จับช่วงหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว แนะรีบขายทำกำไร
คมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ ทิสโก้ (TISCO ESU) บอกว่า แม้ว่าตอนนี้ราคาหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวสูงขึ้น แต่จากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่โตชะลอตัว แนะนำให้นักลงทุนเน้นบริหารความเสี่ยงและรักษาเงินต้น จึงแนะนำให้นักลงทุนอาศัยจังหวะที่ตลาดหุ้นฟื้นตัว (Rebound) ทยอยขายทำกำไรออกมาก่อน
สาเหตุที่ราคาหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2562 เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ราคาน้ำมันโลกฟื้นตัวถึง 20% และมีข่าวความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ส่งผลดีให้ปัจจุบันราคาหุ้นทั่วโลกทยอยปรับขึ้น ซึ่งเห็นสัญญาณนี้ตั้งแต่ต้นปี 2562 เช่น ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500) เพิ่มขึ้น 8% จากต้นปี 2562 ดัชนีหุ้นจีน (HSCEI) เพิ่มขึ้น 9% จากต้นปี 2562 และดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 5% จากต้นปี 2562
แม้ว่าราคาหุ้นทั่วโลกจะขยับขึ้น จากข่าวดีหลายเรื่องแต่หลังจากนี้กลับมีปัจจัยเสี่ยง และความผันผวนมากขึ้นกว่าเดิม ปี 2562 นี้จึงมีโอกาสที่หุ้นจะปรับฐานอีกครั้ง (ราคาหุ้นลดลง)
“ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณที่น่ากังวล โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิตของจีนได้ลดลงมาอยู่ในเกณฑ์หดตัว ในขณะที่ดัชนีของยุโรปและญี่ปุ่น ก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50 จุด ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างขยายตัวกับหดตัว แรงส่งจากการเร่งส่งออกสินค้าของจีนเพื่อหลีกประเด็นเรื่องภาษีของสหรัฐฯ ทยอยหมดไปหลังทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมเจรจาการค้า ขณะที่ประเทศอื่นในเอเชีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจเปิดและเน้นการส่งออกอย่างไทย เกาหลีและญี่ปุ่น ก็เห็นการหดตัวของการส่งออกในเดือน ธ.ค. เช่นกัน ทำให้ตลาดมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานอีกครั้ง”
บล.โกลเบล็ก แนะหุ้นดีของไทยรับอานิสงค์จากช่วงตรุษจีน-เลือกตั้ง
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด (GBS) บอกว่า ตลาดหุ้นไทยระยะนี้ปรับตัวดีขึ้นเพราะได้รับผลดีจากเรื่องการเมืองของไทยที่มีความชัดเจน ความคืบหน้าโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,630 – 1,690 จุด
โดยแนะนำให้เล่นเก็งกำไร ถ้าเล่นพอร์ทระยะสั้นให้อิงราคาในรูปสกุลเงินดอลลาร์เป็นหลัก โดยซื้อเมื่ออ่อนตัว แต่ยังเน้นขายทำกำไรและตัดขาดทุนเร็ว ส่วนพอร์ตระยะกลางยังคงเน้นตั้งรับเมื่อราคาอ่อนตัว และอาจพิจารณาเข้าซื้อมากขึ้นเมื่อเงินบาทส่งสัญญาณอ่อนตัว
ดังนั้นทาง GBS แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง ได้แก่
- VGI – บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน)
- PLANB – บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน)
- MACO – บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน)
- CPALL – บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
- MAKRO – บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
- BJC – บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)
- TKS – บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด
- ส่วนหุ้น mai ได้แก่ TACC – บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน), LIT – บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน), CRD – บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ได้อานิสงส์มาตรการคืน VAT 5% กระตุ้นช็อปช่วงตรุษจีน และหุ้นได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยคึกคักในช่วงวันหยุดตรุษจีน ได้แก่
- CPALL
- MAKRO
- AOT – บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
- CENTEL – บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)
- ERW – บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สรุป
ปีที่ผ่านมาราคาหุ้นตกลงไปเยอะ ตั้งแต่ต้นปี 2562 มานี้ราคาหุ้นไทยและทั่วโลกก็ทยอยปรับขึ้น แต่จะราคาจะสูงไปอีกนานไหม ไม่มีใครรู้ ด้านทิสโก้เลยแนะนำให้ขายหุ้นที่มีกำไรแล้วเพื่อทำกำไรไปก่อน ส่วนบล.โกลเบล็ก เปิดช่องแนะนำหุ้นเด่นในไทยที่น่าลงทุน ถ้าเล่นหุ้นสั้นก็ต้องซื้อขายไว ได้กำไรต้องขายทำกำไรเข้ากระเป๋ามาก่อน ถ้าเสียต้อง CutLoss ให้ทัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา