เปิดตำนาน 100 ปี ยาหม่องตราเสือ เริ่มจากยาสำหรับใช้ในวัง สู่ยาอเนกประสงค์สำหรับทุกคนทั่วโลก

ยาหม่องตราเสือ หรือ Tiger Balm คือหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ผ่านการเป็นที่รู้จัก และมีการวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศ ยิ่งผสานกับความอเนกประสงค์ของตัวยาที่ไม่ว่าจะปวดหัว, เป็นหวัด, กล้ามเนื้อตึง หรือโดนยุงกัด เพียงทา หรือสูดดมยาหม่องตราเสือ อาการเหล่านั้นก็ทุเลา

แต่รู้หรือไม่ ยาหม่องตราเสือเกิดขึ้นมากว่า 100 ปี ผ่านการปรุงโดย โอ ชู กิง อดีตแพทย์สมุนไพรประจำราชสำนักขององค์พระจักรพรรดิของประเทศจีน และปัจจุบันได้ส่งต่อสูตรยาไปถึงรุ่นหลาน พร้อมนำไปสร้างแบรนด์จนประสบความสำเร็จในระดับโลก

วันนี้ Brand Inside อยากชวนผู้อ่านมาเจาะรายละเอียดตำนาน 100 ปี ยาหม่องตราเสือ ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องผ่านอะไรบ้าง ปัจจุบันได้ปรับปรุงสูตรยาให้รับกับพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างไร รวมถึงกลยุทธ์ และการคงความสำเร็จของแบรนด์หลังนี้จะมาในรูปแบบใด ดังนี้

ยาหม่องตราเสือ

จุดเริ่มต้นจากสูตรยาประจำราชสำนัก

ยาหม่องตราเสือ หรือ Tiger Balm คือสูตรยาขี้ผึ้งที่ถูกปรุงโดย โอ ชู กิง อดีตแพทย์สมุนไพรประจำราชสำนักขององค์พระจักรพรรดิของประเทศจีนในขณะนั้น แต่ด้วยการเกิดสงครามกลางเมืองภายในประเทศ รวมถึงความอดอยากสมัยกบฏไท่ผิงช่วงปี 1850 ทำให้เขาต้องการอพยพจากที่นั่น

ประเทศที่เขาเลือกไปคือประเทศเมียนมา และ โอ ชู กิง อาศัยความรู้ในฐานะแพทย์สมุนไพรประจำราชสำนักเพื่อเปิด อัง เอิน ตง ร้านเวชภัณฑ์เล็ก ๆ ในเมืองย่างกุ้งเมื่อปี 1870 โดยเน้นจำหน่ายขี้ผึ้งยาหม่องที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเมื่อยล้าของร่างกาย

Tiger Balm
ร้านเวชภัณฑ์ดั้งเดิมของ Tiger Balm และสัญลักษณ์ โฮ้ว ที่หมายถึง เสือ ปรากฏอยู่ด้านบนตัวเสือ สะท้อนให้เห็นอีกความเป็นเสือของแบรนด์ // ภาพจาก YouTube ทางการของ Tiger Balm

หลังจากนั้น โอ ชู กิง ได้มีบุตร 2 คน โดยคนแรกชื่อว่า โอ บุ้น โฮ้ว (แปลว่า เสือโคร่งที่อ่อนโยน) เกิดในปี 1882 ร่ำเรียนที่ประเทศจีน ส่วนคนที่สองชื่อว่า โอ บุ้น ป่า (แปลว่า เสือดาวที่อ่อนโยน) เกิดในปี 1888 เรียนหนังสือที่โรงเรียนภาษาอังกฤษในประเทศเมียนมา

โอ ชู กิง เสียชีวิตในปี 1908 ทำให้ร้านเวชภัณฑ์ อัง เอิง ตง ถูกส่งต่อมาที่ โอ บุ้น ป่า ซึ่งเขาได้เจรจากับพี่ชายเพื่อให้กลับมาช่วยดำเนินกิจการต่อ โดยอ้างอิงเรื่องที่พี่มีความรู้เกี่ยวกับการรักษาแผนจีน ส่วนตัวเองเชี่ยวชาญแผนตะวันตก ซึ่งการผสานกันของสองความรู้ย่อมช่วยรักษาผู้คนได้ดีกว่าเดิม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของขี้ผึ้งยาหม่องในตำนาน

Tiger Balm

อาศัยชื่อของตัวเองมาต่อยอดแบรนด์

ก่อนจะไปถึงแบรนด์ตราเสือ สองพี่น้องได้ปรุงยาหม่องที่ใช้ชื่อเบื้องต้นว่า น้ำมันทองคำหมื่นแท่ง หรือ Ban Kim Ewe ที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ บรรจุในโหลแก้วหกเหลี่ยมเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด และเมื่อวางขายในร้านเวชภัณฑ์ อัง เอิง ตง สินค้าดังกล่าวได้หมดอย่างรวดเร็ว

สัญชาตญาณเสือของสองพี่น้องรับรู้ได้เลยว่าสินค้านี้ขายดี จึงทำการเจรจากับร้านค้าชาวจีนในประเทศเมียนมาให้ซื้อสินค้าของพวกเขาไปขายต่อ หลังจากนั้นเพียง 1 ปี หรือปี 1909 สองพี่น้องเสือได้จดเครื่องหมายการค้าด้วยการนำชื่อของพวกเขามาจดทะเบียน และแบรนด์ Tiger Balm ได้เกิดขึ้นนับจากนั้น

Tiger Balm
ภาพจาก YouTube ของ Silver Valley Studios

แต่จะมีแค่ชื่อในการทำตลาดก็คงไม่พอ โดย โอ บุ้น โฮ้ว ที่ช่วงปี 1920 ได้เข้าไปทำธุรกิจในสิงคโปร์ กับมาเลเซีย เขาได้เห็นธนบัตรของที่นั่นที่มีรูปเสือกำลังคำราม ภาพดังกล่าวกลายเป็นแรงบันดาลใจของตราสินค้า Tiger Balm จนถึงปัจจุบัน

เวลาเดียวกันนั้นยาหม่องตราเสือยังเริ่มเพิ่มกำลังการผลิตที่สิงคโปร์หลายสิบเท่าจากประเทศเมียนมา และส่งออกไปทำจำหน่ายที่ประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ไทย รวมถึงเขตปกครองพิเศษฮ่องกง อีกทั้งยังได้ย้ายไปตั้งสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 1969 พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในชื่อ Haw Par Corporation Limited

Tiger Balm

แก้อาการได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

แม้สองพี่น้องผู้ก่อตั้งแบรนด์ยาหม่องตราเสือได้จากไปตั้งแต่ปี 1944 แต่ธุรกิจยาหม่องตราเสือยังสามารถประคองตัวเอง และส่งต่อรุ่นสู่รุ่นจนเติบโตมาจนถึงปัจจุบันด้วยรายได้ปี 2022 กว่า 182 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือกว่า 6,300 ล้านบาท ผ่านการจำหน่ายสินค้ามากกว่า 100 ประเทศ และยังมียาหม่องตราเสือเป็นสินค้าหลัก

แถมยาหม่องเหล่านั้นยังจำหน่ายภายในบรรจุภัณฑ์ 6 เหลี่ยมที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันของปลอมและการลอกเลียนแบบ และผลิตภัณฑ์มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เนื้อสัมผัสที่เนียน นุ่มน่าใช้ รวมถึงมีน้ำมันหอมระเหยที่เข้มข้นซึ่งช่วยให้สินค้ามีประสิทธิภาพในการใช้ โดยปัจจุบันยาหม่องตราเสือมีทั้งหมด 3 สูตรด้วยกันคือ

  • ยาหม่องตราเสือ (ขวดสีแดง): สูตรร้อนแบบดั้งเดิม หอมด้วยกลิ่นสมุนไพร
  • ยาหม่องตราเสือ HR (ขวดสีขาว): หอมสดชื่น สามารถบรรเทาอาการได้หลากหลาย เช่น วิงเวียนและปวดศรีษะ คัดจมูก ท้องอืด และอาการคันเนื่องจากแมลงกัดต่อย
  • ยาหม่องตราเสือ Soft (ขวดสีเขียว): เนื้อนุ่มเบา มีกลิ่นหอมลาเวนเดอร์ เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ชอบความผ่อนคลาย

นอกจากนี้ยาหม่องตราเสือยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่เข้ามาตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น ยาน้ำมัน, พลาสเตอร์บรรเทาปวด, ยาดม, ครีมบรรเทาอาการปวดเมื่อย รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เช่น เจลลดไข้ และแผ่นปิดกันยุง แสดงให้เห็นถึงการไม่ยึดติดกับผลิตภัณฑ์เดิม แต่ใช้ความดีของต้นตำรับมาต่อยอดสู่สินค้าใหม่

Tiger Balm

ยาหม่องตราเสือกับการทำตลาดที่หลากหลาย

เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ต่อเนื่องในอนาคต ยาหม่องตราเสือมีกลยุทธ์การทำตลาดในประเทศไทยโดยเน้นที่การร่วมอีเวนต์ต่าง ๆ ที่สอดคล้องไปกับสินค้าของแบรนด์ เช่น สนับสนุน กิจกรรม X-campus กับน้อง ๆ นักศึกษา ผ่าน DUCA เพื่อให้น้อง ๆ Create Content VDO Clip เกี่ยวกับ ยาหม่องตราเสือ และแผ่นแปะแก้ปวด การแข่งขันวิ่ง หรือการอาสาเป็นผู้ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่รถยนต์ ควบคู่ไปกับการทำสื่อโฆษณาต่าง ๆ เพื่อคงการรับรู้ของแบรนด์กับคนรุ่นใหม่ และกิจกรรมตาม Office Building

ล่าสุด ยาหม่องตราเสือ ได้ทำการสนับสนุนคอนเสิร์ต BOYd+NOP FAMILY ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 ธ.ค. 2023 ที่จังหวัดชลบุรี ถือเป็นอีกตัวอย่างที่ดีในการสนับสนุนกิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงได้ทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนที่รู้จักแบรนด์ยาหม่องตราเสืออยู่แล้ว

หากย้อนอดีตไปสักนิด หลายคนน่าจะเคยได้ยินวลีเด็ด ๆ ของยาหม่องตราเสือ เช่น ให้พี่เสือดูแล หรือ มีพี่เสือไว้อุ่นใจกว่า จนถึงปัจจุบันที่มากับแท็กไลน์ ยาหม่องตราเสือ ทาทุกเมื่อเพื่อบรรเทา จึงไม่แปลกที่เวลาพูดถึงยาหม่อง ตราเสือ จะถูกนึกถึงเป็นแบรนด์ในด้านการบรรเทาปวด

ทั้งหมดนี้คือประวัติความเป็นมาของ ยาหม่องตราเสือ สูตรยาโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์จีนเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว แต่ถึงจะเก่า แต่ยังเก๋าด้วยการรักษาคุณภาพของสินค้าที่บรรเทาได้สารพัดโรค ควบคู่ไปกับการทำตลาดเพื่อคงแบรนด์ไว้ให้กับทุกคนได้จดจำชื่อ ยาหม่องตราเสือ หรือ Tiger Balm เอาไว้

Tiger Balm

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา