มองอนาคตตลาดแบรนด์หรู เมื่อตลาดจีนสำคัญมากกว่าเดิม จนทุกรายยอมไปขยายสาขาที่นั่น

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก และไม่ใช่แค่แบรนด์สินค้าทั่วไปจะมีปัญหา กลุ่มแบรนด์หรูก็กระทบด้วย แต่เพื่อรอดพ้นวิกฤตินี้ไปได้ การบุกเข้าไปที่ตลาดจีนที่กำลังซื้อยังสูงอยู่จึงสำคัญมากกว่าเดิม

Tiffany & Co.
หน้าร้าน Tiffany & Co. ที่ตึก Burj Khalifa ใน Dubai // ภาพจากเพจ Facebook Tiffany & Co’s

ไม่ต้องรอให้มาหา แต่ไปหาเองเลย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้คนจีนกำลังซื้อสูง และมีความชื่นชอบในสินค้าหรู เช่นกระเป๋า, เครื่องประดับ และเพชรพลอยต่างๆ จนมีผลสำรวจพบว่าในปี 2561 ยอดขายสินค้าหรูทั่วโลกนั้นมาจากการซื้อของชาวจีนถึง 1 ใน 3 แต่การซื้อของชาวจีนในตอนนั้นเป็นการบินไปซื้อนอกประเทศเกือบทั้งหมด เพราะราคาที่ถูก และมีรุ่นให้เลือกมากกว่า

อย่างไรก็ตามด้วยวิกฤติเศรษฐกิจตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า, ราคาน้ำมันพุ่ง และเหตุผลอื่นๆ ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่า ประกอบกับผู้นำจีนอย่าง “สี จิ้นผิง” ก็ต้องการให้มีการจับจ่ายในประเทศมากกว่าเดิม ทำให้พฤติกรรมการซื้อสินค้าหรูของชาวจีนเริ่มเปลี่ยนไป

Alessandro Bogliolo ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tiffany & Co. เล่าให้ฟังว่า ยอดขายทั่วโลกไตรมาส 2 ของบริษัทนั้นลดลง 3% แตกต่างกับยอดขายในประเทศจีนที่เติบโต 25% แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้สินค้าหรูของชาวจีนยังมีอยู่ และจุดนี้เองทำให้ตัวแบรนด์ต้องเข้าไปหาชาวจีนมากขึ้น แทนที่จะรอให้ชาวจีนมาหาที่ต่างประเทศ

ประท้วงในฮ่องกงก็กระทบเหมือนกัน

“นอกจากเรื่องค่าเงิน และสงครามการค้า การประท้วงในฮ่องกงก็กระทบภาพรวมการจับจ่ายสินค้าหรูของชาวจีนด้วย เพราะฮ่องกงเป็นที่ที่ชาวจีนนิยมไปซื้อสินค้าหรู แต่พอสถานการณ์เป็นอย่างนี้ก็ไม่แปลกที่ยอดขายในประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่จีนจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด”

ฮ่องกง
ภาพจาก Getty Images

ในทางกลับกันการสนับสนุนให้จับจ่ายในประเทศของผู้นำจีน เช่นการลดภาษีนำเข้า รวมถึงกลยุทธ์การตั้งราคาของแบรนด์ต่างๆ ที่ราคาในจีนกับประเทศอื่นๆ ใกล้เคียงกันมากขึ้น ก็ทำให้ชาวจีนนิยมซื้อสินค้าหรูในประเทศ Tiffany & Co. ก็รับเทรนด์นี้ด้วยการขยายสาขาในจีนให้มากกว่า 35 แห่ง พร้อมรุกจำหน่ายช่องทางออนไลน์ด้วย

นอกจากนี้แบรนด์หรูอื่นๆ ก็ให้ความสำคัญในจีนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น Chloe ก็จัดงานแฟชั่นโชว์นอกประเทศฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก โดยงานนั้นจัดที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ส่วน Prada เองก็เตรียมจัดแสดงเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับผู้ชายที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนเช่นกัน

คนรุ่นใหม่แสดงตัวตนผ่านแบรนด์หรู

“ก่อนหน้านี้ภาพลักษณ์ของแบรนด์หรูคือการแสดงถึงความร่ำรวย แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว เพราะคนรุ่นใหม่มองว่าการใช้สินค้าแบรนด์หรูมันแสดงถึงความเป็นตัวเองออกมา ยิ่งตอนนี้มีคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วขึ้น โดยเฉพาะในจีน กลุ่มแบรนด์หรูก็ต้องสร้างสินค้าภาพลักษณ์แบบนี้ออกมามากขึ้นด้วย”

เมื่อรวมเอาปัจจัยต่างๆ มารวมกันจะพบว่า โอกาสที่การจับจ่ายสินค้าแบรนด์หรูของชาวจีนจะเกิดขึ้นในประเทศจีนมากขึ้น หรืออาจพุ่งถึง 50% ภายในปี 2568 ก็ได้ เพราะถ้าซื้อในประเทศแล้วราคาไม่ต่างกับต่างประเทศมาก มันก็ไม่มีประโยชน์ที่ต้องบินไปซื้อในที่ไกลๆ

lv
Photo : Shutterstock

ส่วนถ้ามองไปในตลาดสินค้าแบรนด์หรูตอนนี้ก็จะเห็นว่า ทุกแบรนด์พัฒนาสินค้าออกมาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากกว่าเดิม เช่นการออกแบบไปในทิศทาง Streetwear สวมใส่ หรือใช้งานได้ในทุกโอกาส ที่สำคัญไม่ต้องแสดงให้เห็นว่ามันหรู แต่เน้นดึงความเป็นตัวของตัวเองออกมามากกว่า

สรุป

โลกของแบรนด์หรูนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนหน้านี้การใช้แบรนด์หรูคือการแสดงว่าตัวเองมีฐานะ แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่ มันเป็นการแสดงตัวตนของผู้สวมใส่ ประกอบกับตลาดจีนสำคัญมากกว่าเดิม ก็ไม่แปลกที่แบรนด์หรูต่างๆ จะหยิบจับแนวคิดนี้มาใช้ และประยุกต์ให้มันเข้ากับตลาดจีนมากที่สุด

อ้างอิง // Japan Today

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา