“เอเจนซี่” ยังมีความจำเป็นในยุค AI อยู่หรือไม่ เจาะกึ๋น The Secret Farm ก้าวสู่ปีที่ 11 อย่างไรให้ลูกค้าจดจำ

ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้ทุกคนสามารถทำงานโฆษณาได้ง่าย ๆ ทุกคนสามารถทำงานได้ไม่ต่างจากเอเจนซี่ รวมถึงการเกิดขึ้นของ Digital Creator จำนวนมหาศาลที่ทุกคนสามารถเป็นสื่อได้ด้วยตัวเอง ส่งผลให้แบรนด์ต่าง ๆ คาดหวังการทำงานที่รวดเร็ว เห็นผลชัดเจน ในราคาที่คุ้มค่าสูงสุด สร้างความท้าทายต่อทั้งสื่อดิจิทัล รวมถึงบริษัทเอเจนซี่น้อยใหญ่ ทั้งเอเจนซี่โฆษณา การตลาด และประชาสัมพันธ์ แล้วอะไรคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเอเจนซี่ยังคงยืนหยัดและเติบโตได้ท่ามกลางการแข่งขันและตัวเลือกที่มีอยู่มากมาย?

บริษัท เดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม จำกัด (The Secret Farm) ดิจิทัลเอเจนซี่ ที่เพิ่งผ่านอายุ 10 ปี มาหมาด ๆ และพร้อมก้าวเข้าสู่ปีต่อไปอย่างท้าทาย โดย คุณโอ๊ค – ฐิติพันธ์ กัมพลาศิริ ผู้ก่อตั้ง ร่วมด้วย คุณหญิง – ธวัลยา เลาหวิรุฬห์กุล Head of Client Management และ คุณโถ – ปฐมพงษ์ เรืองศิริ​ Head of Media 3 แกนหลักของบริษัท เผยถึงคำตอบและมุมมองการปรับตัวของเอเจนซี่ในวันนี้ว่า “สิ่งที่ลูกค้าต้องการจากเอเจนซี่ในวันนี้คือ การทำงานแบบ เข้าอกเข้าใจกัน การเป็นเพื่อนคู่คิด ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับลูกค้า การเป็นคอนเนกเตอร์ ช่วยเชื่อมโยงทุกความเป็นไปได้ เป็นเอเจนซี่ที่ คาดการณ์แม่นยำ มองเห็นอนาคต เข้าใจสุขภาพทางการตลาด รวมถึงอาจต้องเป็นหมอดูให้กับลูกค้าไปในตัว ที่สำคัญคือต้อง รับจบในตัวแบบ 360 องศา แบบครบวงจร”

เพื่อก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง ดิจิทัลเอเจนซี่จึงต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ต้องเข้าใจอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายและสถานการณ์ตลาดอย่างแม่นยำ พร้อมทำงานเคียงคู่ลูกค้าในทุกช่วงเวลา พร้อมเป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า พร้อมเป็นที่พักให้ลูกค้าหายเหนื่อย เป็น ‘เอเจนซี่ที่มากกว่าเอเจนซี่’ ให้กับลูกค้า มีทั้งมุม Friendly ที่เข้าใจโลก เข้าถึงง่าย แต่เข้มข้นไปด้วยการทำงานแบบ Professional และแม่นยำด้วย Data ที่สามารถตอบลูกค้าได้ทุกโจทย์

ถอดรหัส 10 ปี ดิจิทัลเอเจนซี่ ที่กล้าคิดต่าง 

ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนรายวัน และเทรนด์โซเชียลเปลี่ยนรายชั่วโมง The Secret Farm รับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างไร? คุณโอ๊ค คุณหญิง และคุณโถ ได้ร่วมกันแชร์กลยุทธ์ 10 ปีแห่งการกล้าคิดต่าง เบื้องหลังโมเดลการทำงานที่ยืดหยุ่นและครบวงจร จนสามารถสรุปเป็น 3 กุญแจสำคัญที่ทำให้เอเจนซี่แห่งนี้คิดนำลูกค้าอยู่เสมอ

  1. โมเดลการทำงาน “ไร้กรอบ”: เร็ว ยืดหยุ่น และครบวงจร

ตั้งแต่เริ่มต้น เดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม ได้สร้าง “โมเดลการทำงานที่ฉีกกฎ”  โดยงานกลุ่มแรกคือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เช่น การโปรโมตภาพยนตร์บนสื่อออนไลน์ ซึ่งต้องทำงานแข่งกับกระแสและเวลา จึงมีการพัฒนาโมเดลการทำงาน โดยใช้ “ครีเอทีฟ ผสานกับกลยุทธ์ บวกกับความสามารถในการโปรดักส์ชั่นงานดิจิทัลได้ด้วยตัวเอง” เพื่อให้สามารถทำงานได้รวดเร็วและมีความยืดหยุ่นต่างจากเอเจนซี่ใหญ่ในยุคนั้นที่ต้องแยกระหว่าง “งานคิด” กับ “งานผลิต”  

ด้วยการทำงานที่กระชับ ครบวงจร จบในตัวเอเจนซี่เดียว ทำให้สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นจนเข้าตา และได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ระดับนานาชาติอย่าง “เนสท์เล่ ไอศกรีม” ให้เข้าไปนำเสนอการทำแคมเปญการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่ปีแรก และหลังจากนั้นก็ยังได้ทำงานให้กับผลิตภัณฑ์ในเครืออื่น ๆ ต่ออีกมากมาย 

  1. Key Success คือ การเรียนรู้และทดลองตลอดเวลา

เพราะอุตสาหกรรมดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนจาก Second Screen มาสู่ Mobile First และวนกลับไปสู่ Digital Content บน Smart TV รวมถึง Social Trend ที่เคยเปลี่ยนรายปี แต่ปัจจุบันกลับเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และไม่สามารถครองความเป็น Mainstream ได้อีกต่อไป 

เดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม รับมือกับเรื่องเหล่านี้ด้วยการเรียนรู้และใช้งานใช้เครื่องมือดิจิทัลใหม่ ๆ ทั้ง Social Listening, Social Monitoring tool เพื่อวิเคราะห์ Sentiment Voice ตลอดจน Insight เฉพาะกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลา และในแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อออกแบบและสร้างสรรค์ Solutions ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของลูกค้าในแต่ละแคมเปญ 

การมี Data ต่าง ๆ จะช่วยให้ทีมมีความกล้าที่จะนำเสนอไอเดียใหม่ ๆ และพร้อมเสนอทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ  อาทิ แคมเปญ “รักใช่เล่น” กับ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่เราทำความเข้าใจ Insight และ Sentiment Voice ของกลุ่มลูกค้าคูโบต้า จนออกแบบมาเป็น Music Marketing Campaign ที่ลูกค้าของแบรนด์มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เนื้อเพลงและร่วมเป็นอินฟลูเอนเซอร์ให้กับแบรนด์ จนเกิดภาพลักษณ์ Brand Loyalty และ Brand Love ยกระดับคุณค่า (Value) ให้กับแบรนด์ ซึ่ง แคมเปญ “รักใช่เล่น” ยังได้รับรางวัล 2nd winner prize จากเวที Thailand Influencer Award 2025 อีกด้วย

  1. Sandbox Project: ห้องทดลองสร้างสรรค์

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ ทีมของเดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม สามารถสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ มาจากการใช้ Sandbox Project ของตัวเองในการสร้างสรรค์และทดลองสิ่งใหม่ ๆ เช่น:

  • โปรเจกต์ TypeThai และ meBoon.co (มีบุญ) : เพื่อการสร้างสรรค์และพัฒนาคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาชิ้นงานใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า
  • โปรเจกต์ เปิดโลก KOLs: ที่เริ่มต้นจากการสร้างฐานข้อมูลและนะนำการใช้งานอินฟลูเอนเซอร์ จนสามารถพัฒนาไปเป็นธุรกิจบริหารจัดการอินฟลูเอนเซอร์ ภายใต้ บริษัท The Eggsplore ซึ่งเป็นบริษัทเครือข่ายของ The Secret Farm

ประสบการณ์ 10 ปี ทำให้ The Secret Farm ไม่ได้เป็นแค่เอเจนซี่ แต่เป็น “ที่ปรึกษาเพื่อสร้างโอกาสให้กับลูกค้า”  “เอเจนซี่ที่ใช้ Human Thought ผนวก Data เพื่อคิดนำลูกค้าอยู่เสมอ”

ก้าวสู่ปีต่อไปของธุรกิจดิจิทัลเอเจนซี่ 

ในวันที่ใคร ๆ ต่างก็ใช้ Artificial Intellegence และ Machine Learning  ทำให้ทุกคนเข้าถึงความรู้ได้ไม่ต่างกัน แต่บทบาทของเอเจนซี่ต้องก้าวไปไกลกว่าการเป็นแค่ผู้สร้างชิ้นงาน เอเจนซี่ต้องเปลี่ยนบทบาทจากการสร้าง Awareness มาเป็นการสนับสนุนให้ แบรนด์ขายของได้ (Conversion) และต้องเป็น ที่ปรึกษาทางการตลาด ที่วางกลยุทธ์ผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และการวางแผนสื่อครบวงจร เดอะ ซีเคร็ต ฟาร์ม จึงได้นิยามความเป็น‘เอเจนซี่ที่เป็นมากกว่าเอเจนซี่’  ด้วยคุณสมบัติ 3 ประการ ได้แก่

  1. Think Ahead: เอเจนซี่คืองานที่จะต้องคิดนำลูกค้าสองถึงสามก้าวเสมอ เพื่อที่จะให้คำปรึกษาได้ตรงเป้า ถ้าเอเจนซี่คิดเท่ากับลูกค้า ลูกค้าก็ไม่จำเป็นต้องมีเอเจนซี่
  2. Partnership & Deep Engagement: ลูกค้าเป็น พาร์ตเนอร์ ที่เอเจนซี่ต้องลงลึกไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับลูกค้า ทำงานร่วมกัน และเข้าใจ KPI อย่างลึกซึ้งผ่านกลไกอย่าง Sharing Session เพื่อให้การทำงานเป็นเสมือน ยูนิตหนึ่งของลูกค้า
  3. Expertise + Friendly: ประสบการณ์ครอบคลุมในทุกอุตสาหกรรม ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ กล้ายืนยันและฟันธงได้ว่าอะไรคือสิ่งที่แบรนด์ต้องทำเพื่อสร้างโอกาส สามารถทำนายและเชื่อมโยงโอกาสในอนาคต แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเป็น Friendly Agency ที่เป็นมิตรกับ และคุยง่ายกับทุกคน 

บทสรุป

เทคโนโลยีอาจจะช่วยให้งานเสร็จไว แต่ “ความไว้ใจ” สร้างด้วย AI ไม่ได้! 10 ปี บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง The Secret Farm ได้ก้าวผ่านจาก ‘experimental digital solutions’ เข้าสู่ปีที่ 11 ด้วยการเป็น Your partner & friendly Agency ที่เป็นมิตรและพร้อมเป็นพันธมิตรกับทุกคน ไม่เคยหยุดที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ และพร้อมรับโจทย์ที่ท้าทายเพื่อนำความสำเร็จมาสู่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนไปพร้อม ๆ กัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา