จับตาเส้นทาง นำเทคโนโลยีเข้ามาอัปเกรดเครือข่ายมือถือเมืองไทย ไม่ต้องรอ 5G

ถ้าถามถึงว่าเมื่อไหร่เราจะได้ใช้เทคโนโลยี 5G ตอนนี้คงอยู่ในสถานะ Now Loading..

ที่ทุกคนกำลังตั้งตารอ เหมือนครั้งนึงที่เราเคยรอ 4G หรือ 3G  ซึ่งยังไม่มีใครตอบอย่างแน่ชัดว่า 5G คืออะไร หน้าตาเป็นยังไง รู้แค่ว่ามันต้องดี ต้องล้ำสมัย และต้องทำอะไรได้มากกว่าเดิม

Business hand with mobile phone

ถ้าผู้บริโภครอแบบนี้ ฝั่งผู้ให้บริการเครือข่ายทำอะไรอยู่บ้าง ?

เอไอเอส เดินเกมแบบผู้นำตลาด ด้วยการเลือกที่จะไม่รอ ด้วยความคิดที่ว่า ในเมื่อมีทั้งเครือข่ายที่พร้อม มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และทีมงานผู้เชี่ยวชาญแบบเต็มกำลัง ทำไมเราจะพัฒนาไปก่อนไม่ได้ ?

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่เอไอเอสสร้างมิติใหม่ให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคม ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดในยุค 4G  ด้วยเปิดตัวเครือข่ายเทคโนโลยี 4.5 G เป็นครั้งแรกของโลก จากการผสมผสานเทคโนโลยี MIMO 4×4, Carrier Aggregation  และ LTE-U/LAA ทำให้รับส่งข้อมูลได้ปริมาณมากขึ้นกว่า 4G ถึง 2 เท่า และเพิ่มความเร็วได้อีกราว 30% ซึ่งลูกค้าเอไอเอสสามารถใช้งานเครือข่าย 4.5G ได้โดยอัตโนมัติ แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่อง Device ที่รองรับการใช้งาน

ไม่ใช่เพียงฟากของ Mobile Network เท่านั้น ฝั่งของ Fixed หรือ เครือข่าย WiFi ที่คนคุ้นเคยใช้เชื่อมต่อเน็ต เวลาอยู่ในสถานที่ต่างๆ  ก็สำคัญเช่นกัน เอไอเอสจึงเปิดบริการ AIS SUPER WiFi เครือข่ายความเร็วสูงถึง 650 Mbps และเร่งขยายในทุกพื้นที่เน้นคอมมูนิตี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการเดินหมากที่ถูกจุด และตรงใจ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่หลายๆ คนเลือกเป็นลูกค้าของเอไอเอส เพราะทุกวันนี้แทบทุกคนใช้เวลานอกบ้านในพื้นที่เหล่านี้เป็นเรื่องปกติ จนถึงวันนี้ก็ขยาย AIS SUPER WiFi ไปแล้วกว่า 100,00 0 จุดทั่วประเทศ

อีกหนึ่งการขยับตัวครั้งใหญ่ที่สะเทือนวงการ คือเมื่อเบอร์ 1 ออกมาประกาศถึงความสำเร็จของการพัฒนาเครือข่ายใหม่ ในชื่อ AIS NEXT Gเป็นการรวมความเร็วของเน็ตมือถือ และ WiFi เข้าด้วยกัน  ทำให้ลูกค้าจะได้ใช้งานเน็ตเร็วขึ้น สูงสุดสามารถแตะถึง 1 Gbps ซึ่งเอไอเอส เป็นผู้ให้บริการรายแรก และรายเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำได้ ด้วยแนวคิด ไม่ว่าอยู่ในยุคที่นับกันเป็นตัวเลขอะไร ลูกค้า AIS จะต้องได้อะไรที่มากขึ้นกว่าเดิมไปเรื่อยๆ หรือ NEXT ต่อไปเสมอๆ  

ซึ่งเครือข่าย AIS NEXT G พร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์ทั่วประเทศทันที จากการวางรากฐานของเครือข่าย 4G และ SUPER WiFi ที่ครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว โดยในช่วงแรกเริ่มใช้ได้กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่ต้องฝังเมนู NEXT G มาแล้วเท่านั้น โดยเอไอเอสจะใช้วิธีทำงานร่วมกับ Device แต่ละแบรนด์ ซึ่งจุดเริ่มต้นแรกคือจับมือกับซัมซุง

อย่างไรก็ตาม โจทย์หลักคือจะทำอย่างไรจึงจะขยายฐานผู้ใช้เครือข่าย NEXT G ไปสู่ระดับ Mass ได้ เพราะช่วงแรกสมาร์ทโฟนที่รองรับมีเพียงไม่กี่รุ่น และเป็นระดับไฮเอนด์เสียส่วนใหญ่ ทีมงานวิศวกรของเอไอเอส จึงคิดค้นและพัฒนาวิธีการ จนเกิดเป็น “แอปฯ NEXT G” ที่ถือเป็นนวัตกรรมมาแก้โจทย์ดังกล่าวได้ทันที เพราะจะกลายเป็นตัวกลางรวมความเร็วเครือข่าย และทำให้ลูกค้าที่ถือแอนดรอยด์ Version 7.0 ขึ้นไป กว่า 15 ล้านเครื่องในตลาดใช้งาน NEXT G ได้ แค่โหลดแอปฯ

เรียกว่า GO MASS เต็มตัว ทั้ง Device และ Coverage ของเครือข่าย รวมถึงอีกหนึ่งข้อสำคัญก็คือแพ็กเกจ ซึ่งก็มีการออกแบบใหม่ เน้นตอบไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเป็นหลัก ในระดับราคาให้ทุกคนเข้าถึงได้ โดยมีแพ็กเกจรายเดือนเริ่มต้นที่ 799 บาท ที่สามารถใช้งานเครือข่าย NEXT G แบบเต็มๆ อีกทั้งแพ็กเกจแบบรายวัน  และรายสัปดาห์ ก็มีให้เลือกเช่นเดียวกัน

พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าวันนี้ เอไอเอส พาเราก้าวข้ามศักยภาพเครือข่ายยุค 4G มาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่ทุกคนรอว่า 5G จะมาเมื่อไหร่ และยังจินตนาการกันอยู่ 5G จะเป็นยังไง เราก็สามารถใช้เครือข่ายที่เร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วย AIS NEXT G ได้ แล้ว

นับเป็นการเดินเกมของผู้นำตัวจริง ที่ไม่รอเทคโนโลยีสำเร็จรูป แต่เลือกที่จะเป็นคนกำหนดทิศทาง และลงทุนลงแรงพัฒนานวัตกรรมด้วยตัวเอง   เรียกว่า เมื่ออยู่ในยุคที่ผู้บริโภคไม่ต้องการรอ ผู้ให้บริการเครือข่ายที่จะครองใจได้ก็ต้องไม่หยุดรอเช่นกัน

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIS NEXT G ที่ www.ais.co.th/nextg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Branded Content เป็นบทความที่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์