“คืนนี้คนไทยทั้งประเทศ จะได้รู้กันว่าใครที่อยู่ภายใต้หน้ากาก…” ประโยคที่หลายคนได้ยินไปหลายรอบ…
แต่ก็ต้องยอมรับว่ายอดคนดู 1.6 ล้านวิว (Concurrent View หรือดูพร้อมกัน รวม Facebook และ Youtube) ของรายการ The Mask Singer เป็นปรากฏการณ์ของรายการที่ถ่ายทอดสดทาง Social และมีคนดูมากถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย มีนัยหลายประการที่น่าศึกษาต่อ และยังมีบทเรียนที่ Workpoint ต้องระวัง
1.6 ล้านวิวดูพร้อมกัน พิสูจน์คอนเทนต์ที่ดี คนไทยก็ดูออนไลน์
ก่อนหน้านี้มีรายการทีวีหลายรายการ พยายามถ่ายทอดสดหรือออกอากาศทางออนไลน์ โซเชียลพร้อมกับทีวี เพื่อทดสอบว่าคนไทยรับชมผ่านช่องทางนี้หรือไม่ Workpoint เป็นช่องทีวีดิจิทัลช่องแรกๆ ที่ทำสิ่งที่เรียกว่า multi channel ไม่สนว่าจะดูทางทีวี หรือ โซเชียล ขอแค่ดูรายการของช่องก็พอ และ The Mask Singer คือรายการที่ต้องยอมรับว่า ยอดเรทติ้งออนไลน์ สูงมาอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์
เข้าตำราที่ว่า ถ้าคอนเทนต์ดี จะออกอากาศช่องทางไหนคนก็ตามไปดู ยิ่งเป็นคอนเทนต์ที่เล่นกับความรู้สึก “อยากรู้” ของคนดูด้วยแล้ว การ Build ความรู้สึกร่วมมีมาอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ การถามตอบของกรรมการทั้ง 7 คน สร้างเสียงหัวเราะ กลายเป็นเสน่ห์ของรายการ (แม้บางครั้งจะมากเกินไปจนน่ารำคาญไปบ้าง)
มีบริษัทวิจัยการตลาด สำรวจพบว่า The Mask Singer เป็นรายการของช่องทีวีดิจิทัล ที่มียอดเรทติ้งสูงที่สุดถึงกว่า 10 เรียกว่าแซงหน้าละครหลังข่าวของช่อง 3 และ 7 (คลื่นชีวิต, เพลิงพระนาง) แต่นั่นเป็นเพียง ยอดเรทติ้งทางทีวีเท่านั้น
เรทติ้งมา โฆษณาและรายได้ก็ตามมา
เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้กับทีมงานของ Workpoint ไปเต็มๆ ที่ดึงรายการ The Mask Singer พิธีกรของรายการ คณะกรรมการ และตัวนักร้องเอง มีส่วนช่วยสร้างปรากฏการณ์ครั้งนี้และน่าจะทำให้ เอเจนซี่โฆษณาและรายการทีวีอื่นๆ หันมาสนใจช่องทางออนไลน์มากขึ้น
เฉพาะทีวีอย่างเดียวที่มีเรทติ้งกว่า 10 (และสัปดาห์นี้ ep.19 น่าจะเกินกว่านั้นไปอีกเยอะ) Workpoint ขยายเวลารายการเป็น 3 ชั่วโมง (2ทุ่ม – 5ทุ่ม) ตามกำหนดของ กสทช. โฆษณาทีวีดิจิทัล ชั่วโมงละ 12 นาที เท่ากับว่าสามารถโฆษณาได้ 36 นาที ยังไม่นับผู้สนับสนุนรายการอื่นๆ และรายได้จาก sms โหวตให้นักร้อง
ขณะที่ทางโซเชียลออนไลน์สัปดาห์นี้ (ep.19) ที่มีคนดูพร้อมกันสูงสุดรวมกว่า 1.6 ล้านราย คิดเป็นเรทติ้งต่อประชากรไทยประมาณ 2.5 ถือว่าสูงมาก (คำนวณคร่าวๆ จากจำนวนคนดู 1.6 ล้านราย x100 หารด้วยจำนวนประชากรไทย 65 ล้าน) และมีโฆษณาเช่นเดียวกับในทีวีด้วย
และยังมีสิ่งที่จะตามมาจากนี้อีก ถือเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ของช่อง Workpoint จริงๆ
ขยายฐานแฟนคลับดารา นักร้อง
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ The Mask Singer กลายเป็นเรื่อง Talk of the Town ที่หลายคนพูดกันต่อเนื่อง มีดารา นักร้อง หลายคนที่ถูกพูดถึง ถูกติดตาม หลายคนได้มีโอกาสแสดงความสามารถที่ไม่เคยมีใครรู้ ถือเป็นเรื่องที่ดี และผลที่ตามมาคือ แฟนคลับ หรือคนติดตามที่เพิ่มขึ้นด้วย
ใน ep.19 เอ๊ะ จิรากร หรือ หน้ากากอีกาดำ ซึ่งเป็นนักร้องที่มีความสามารถอยู่แล้ว ยอมรับว่า มีคนเข้ามาติดตามผลงานมากขึ้นจำนวนมหาศาล และได้แฟนๆ กลุ่มใหม่ด้วยที่บอกว่า เอ๊ะ ร้องเพลงร็อคได้สะใจมาก จากเดิมที่ไม่เคยฟังเลย
เชื่อว่า หน้ากากทุเรียน ถ้าเป็น ทอม room39 จริง นี่คือการสร้างและขยายฐานแฟนคลับให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม รวมถึงหน้ากากนักร้องคนอื่นๆ เช่น แตงโม นิดา (ภัทรธิดา), บุ๋ม ปนัดดา และ เป๊ก ผลิตโชค ที่กลายเป็นกระแสออนไลน์ “งงเด้ งงเด้” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวได้ว่า เป็นกระบวนการสร้างความนิยมในตัวดารานักร้อง และนำไปสู่คอนเสิร์ตใหญ่ที่น่าสนใจ
บทเรียนที่ต้องระวัง ขยายเวลาเกินพอดี ล่อไปดูต่อสัปดาห์หน้า
เชื่อว่าหลายคนอ้าปากค้าง กับคำประกาศของ กันต์ กันตถาวร พิธีกรสุดหล่อของรายการ ที่บอกว่า หน้ากากทุเรียนจะเปิดเผยตัวจริงในสัปดาห์หน้า พร้อมกับ หน้ากากนักร้องทุกคนที่จะมาอยู่บนเวทีนี้อีกครั้ง
ซึ่งไม่แน่ว่านี่อาจเป็นการเดินหมากที่ผิดพลาดของ Workpoint
ต้องบอกว่า ช่วง 4 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ The Mask Singer เดินเรื่องมาดี สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับคนดูทั่วประเทศอย่างได้ผล จนทุกคนแทบจะรอการแข่งขันในสัปดาห์นี้ ต้องได้รู้แน่ว่า หน้ากากทุเรียนและหน้ากากอีกาดำคือใคร นี่คือการเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคนดูอย่างได้ผล
แต่ The Mask Singer ep.19 ใช้เวลานานเกินไป ยืดเวลาถ่ายทอดยาวถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งเข้าใจได้ว่านี่คือเรื่องของโฆษณา แต่ความยาว ทำให้เสน่ห์ ความพอดี ของรายการหายไป กลายเป็นการยืดและเตะถ่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง และปิดท้ายว่า จะมีการถอดเพียงสัปดาห์ละ 1 หน้ากากเท่านั้น ดังนั้นใครอยากรู้ว่าหน้ากากทุเรียนคือใคร ต้องรอไปก่อน
จากที่มีการประกาศในรายการ สัปดาห์หน้า ep.20 น่าจะมีการโชว์หน้ากากนักร้องของ The Mask Singer Season 1 ก่อนจะเปิดตัวหน้ากากทุเรียน แต่เชื่อว่าคงไม่ยืดหรือกินเวลาเท่าสัปดาห์นี้ เพราะล่าสุด ทางทีมงานรายการออกขอโทษ ยอมรับและจะนำไปปรับปรุงให้เนื้อหาและช่วงเวลาเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
สรุป
Workpoint น่าจะเป็นต้นแบบของทีวีดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนที่สุด ด้วยเป้าหมายชัดเจนคือ เป็นช่องของรายการ game show ที่ผ่านการสร้างสรรค์มาเต็มที่ และ The Mask Singer ก็เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่มียอดคนดู เรทติ้งสูงที่สุดทั้งทางทีวีและออนไลน์ แต่ก็ต้องระวังเรื่องการเล่นกับความรู้สึกของคนดู ที่ถูกกระตุ้นความอยากมาถึงจุดพีคแล้ว และยังต้องรอสัปดาห์หน้า ผลอาจจะไม่เหมือนกับสัปดาห์นี้ก็ได้ แต่ในอีกทางหนึ่ง คนไทยก็ลืมง่ายเช่นกัน
การจบรายการที่ ep.19 เป็นตัวเลขที่ไม่สวยงามนัก ถ้าจบที่ ep.20 จะลงตัวมากกว่า และได้โปรโมทต่อไปยัง คอนเสิร์ตรวมหน้ากากที่จะจัดขึ้นต้นเดือน เม.ย. รวมถึงส่งต่อไปยัง The Mask Singer Season 2 ด้วย งานนี้ยังไง Workpoint กินเต็มแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา