ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทในองค์กรต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีผู้หญิงดำรงตำแหน่งสูงสุดในบริษัทถึง 33% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 15% แม้แต่บริษัทเทคโนโลยีที่แทบจะมาคู่กับผู้ชาย ปัจจุบันผู้หญิงเริ่มดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ในบริษัทเทคโนโลยีเช่นกัน
The 1 บริษัทด้าน Loyalty อันดับหนึ่งของไทย ที่พลิกตัวเองจากผู้ให้บริการบัตรสะสมคะแนนในเครือเซ็นทรัล สู่องค์กรที่ทำงานแบบ Startup และเป็น Data Driven x Tech Company เต็มตัว ทั้งเคารพในความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพศ, อายุ หรือการศึกษา เพื่อเปิดกว้างให้ทุกคนที่มีความสามารถมาช่วยกันทำให้องค์กรเติบโต เพื่อเป้าหมายในการสร้าง Everyday Lifestyle Platform หรือ แพลตฟอร์มดิจิตอลที่มอบประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุดในทุกๆ วัน ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชั่นสำหรับการสะสมหรือแลกคะแนนอีกต่อไป
และเมื่อมองไปที่ Squad Leader กับผู้บริหารระดับสูงใน The 1 พบว่าเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด จะใช่เรื่องบังเอิญหรือไม่ที่เป็นแบบนี้? Brand Inside จึงอยากชวนทำความรู้จัก 4 สาว 4 สไตล์ ตัวแทน Squad Leader และ Head ของ The 1 ว่า พวกเธอมีวิธีการบริหารงานและบริหารทีมอย่างไร และอะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในสายเทคโนโลยีเช่นนี้ได้
เด็กกว่า เป็นผู้หญิง แต่ไม่ใช่ปัญหาที่ The 1
คนแรกที่ Brand Inside ชวนคุยคือ ฝน-สิรีธร สัจจทิพวรรณ Head of Program Management – The 1 App และหากพูดตามตำแหน่งแบบ Startup เธอคือ Squad Leader ของทีม The 1 App ส่วนจุดน่าสนใจของเธอคือ เป็น Squad Leader อายุน้อย ที่ต้องนำทีมรวมถึงทำงานกับ Head คนอื่นๆ ที่มีอายุมากกว่า
“ตอนแรกที่เข้ามาทำงานในกลุ่มเซ็นทรัล ฝนเข้ามาดูแลกลยุทธ์ธุรกิจ Food ซึ่งเปิดโอกาสให้ฝนได้เรียนรู้ และเติบโตแบบก้าวกระโดด เพื่อนร่วมงานทุกคนคอยสอนเราตลอด และหัวหน้าเราในวันนั้นก็เป็นผู้ชาย เป็นเหมือนคุณครูท่านหนึ่งเลย โดยทุกคนมองข้ามเรื่องอายุ หรือเพศของเรา”
หลังร่วมงานกับกลุ่มเซ็นทรัลระยะหนึ่ง The 1 ได้ชักชวนเข้ามาร่วมงาน และเหตุผลที่ ฝน ตัดสินใจย้ายมาคือ The 1 พลิกโฉมองค์กรสู่ Startup และหันมาทำงานแบบเน้น Growth หรือเติบโตเป็นหลัก ต่างจากองค์กรใหญ่ที่เน้นแต่เรื่องกำไรขาดทุน จึงรู้สึกท้าทาย และตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกัน
“เมื่อเข้ามาทำงานที่ The 1 ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก ทั้งเรื่องผู้หญิงที่มีมากขึ้น และถึงจะอยู่ในฐานะหัวหน้าทีมเช่นเดิม แต่คราวนี้ลูกทีมเป็นคนที่อายุเท่ากัน หรือน้อยกว่าเพิ่มเข้ามา แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ เรื่องความเป็นผู้หญิง และเด็กกว่ากลับไม่ใช่ปัญหา เพราะทุกคนช่วย และเชื่อใจกัน มอบอิสระในการทำงานเต็มที่”
สำหรับประวัติด้านการศึกษาของ ฝน น่าสนใจไม่แพ้ประวัติการทำงาน เพราะมีดีกรีวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และเธอคือหนึ่งในทีมสำคัญที่ทำให้ The 1 เข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัลได้มากขึ้น ด้วยการสร้างสรรค์แคมเปญรูปแบบใหม่ ที่ผสาน Marketing Technology บนแอปพลิเคชั่น The 1 ที่ทั้งสนุก และตอบโจทย์ความชื่นชอบของผู้ใช้แต่ละคนได้ทุกที่ทุกเวลา
“ฝนเชื่อว่าการเอาผู้หญิงไว้แค่หลังบ้านคงไม่ได้แล้ว แม่ของฝนก็ทำงาน ส่วนตอนเรียนที่ต่างประเทศ ก็เจอว่าพ่อเพื่อนคนหนึ่งอยู่บ้านเป็น Househusband ดังนั้นข้อจำกัดเรื่องเพศคงไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน กลายเป็นเรื่องปกติของยุคนี้”
ครอบครัว กับหน้าที่การงาน ต้องไปด้วยกันได้
ผู้หญิงเก่งคนต่อมาที่ Brand Inside อยากแนะนำให้รู้จักคือ หนิง-ทิพาภรณ์ ประสมทรัพย์ Head of Customer Segment – Family Program Management ซึ่งเป็น Squad Leader ของเซกเมนท์ครอบครัว ความน่าสนใจของเธอคือ ทำงานในเครือเซ็นทรัลมานาน และปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง
“ถ้าให้เล่าประวัติการทำงาน ประสบการณ์ส่วนใหญ่เกี่ยวกับด้าน CRM และ Customer Based Marketing โดยเริ่มจาก Spot Rewards ของ Tops และย้ายไปอยู่ธุรกิจโทรคมนาคม กับเอเจนซี่ ก่อนกลับเข้ามาอยู่กลุ่มเซ็นทรัล และย้ายมา The 1 ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำงานแบบ Startup ด้วยประสบการณ์ และการเป็นคุณแม่จริง ๆ จึงเป็นหัวหน้าดูแลลูกค้าเซกเมนท์ครอบครัว หรือแม่และเด็กในส่วนของ The 1 Family บนแอป The 1”
แม้การทำงานแบบ Startup จะแตกต่างกับการทำงานแบบดั้งเดิม แต่เธอสามารถปรับตัวทั้งเรื่องงาน และเรื่องครอบครัวได้เป็นอย่างดี เพราะสามีของเธอวางตัวเป็น Househusband หรือพ่อบ้านเต็มเวลา ทำให้เธอทุ่มเทเวลางานได้เต็มที่ และมีเวลาสำหรับครอบครัวเสมอ
“การทำงานแบบ Startup ต้องทำร่วมกับหลายฝ่าย และมีบ้างที่ต้องวัดผลรายสัปดาห์ ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ด้วยการคุยกับทีม เช่นพี่จะขึ้นมาเคลียร์งานตอนเที่ยงคืนถึงตีสามนะ เพราะหลังหกโมงเป็นเวลาครอบครัว ทุกคนไม่ต้องตกใจ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจและทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่น”
การพัฒนา Customer Journey และมอบประสบการณ์ Personalized Experience ที่สำคัญเลยคือ mindset ของคนในทีม เราโชคดีที่สามารถใช้ประสบการณ์ตรงจากความเป็นแม่มีครอบครัวมีลูก แต่บางคนไม่มีลูก หรือยังไม่แต่งงาน ทำให้ความเข้าใจผู้บริโภคกลุ่มนี้อาจไม่ดีพอ ดังนั้นการใช้ประสบการณ์ตัวเองอธิบาย รวมถึงการพูดคุยกับคนในทีมบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องชีวิตส่วนตัว เพื่อให้ความใส่ใจและใกล้ชิดพวกเขา เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันอีกขั้น
“ตั้งแต่ทำงานมา มีหัวหน้าเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด ทุกคนบู๊และเก่งไปคนละแบบ ส่วนหัวหน้าผู้ชายก็ค่อนข้างให้เกียรติ และมองเราเป็นเพื่อนร่วมงานมืออาชีพ เราจึงเอาจุดเด่น ๆ เหล่านั้นมาปรับใช้ เพื่อให้ตัวเองและทีมทำงานอย่างมีความสุข พร้อมสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับองค์กร”
ความสุขที่ได้รับจากการทำงานแบบ Startup
ผู้หญิงคนที่ 3 ของ The 1 น่าสนใจไม่แพ้ 2 คนแรก เพราะ จอย-วรยา ลีศิริพัฒนากุล Head of Business Development เพิ่งย้ายเข้ามาทำงานกับ The 1 แค่ 2 เดือน แต่ด้วยเธอทำงานอยู่ในบริษัท Startup มายาวนาน ทำให้การปรับตัวที่ The 1 ไม่ยาก แม้ต้องขึ้นมาดูแลกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจขององค์กรก็ตาม
“เริ่มต้นจริง ๆ ในธุรกิจสื่อ แล้วย้ายไปบริษัทเทคโนโลยี และเอเจนซี่ ก่อนมาอยู่ที่ LINE อีก 4 ปี และมาร่วมงานที่ The 1 ซึ่งส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ การมาทำงานใน Startup จึงตอบโจทย์ ยิ่งตัวเองผ่านงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและดาต้า ก็ยิ่งเอาความเชี่ยวชาญเหล่านั้นมาใช้กับ The 1 ได้เช่นกัน”
ยิ่งเธอผ่านงานในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกมา ทำให้เห็นความเท่าเทียมในความหลากหลายในองค์กรเหล่านั้น และทุกองค์กรต่างให้เกียรติไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และที่ The 1 ก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน ผ่านการที่ทุกคนรับฟังกันด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ หรือความแตกต่าง ในการตัดสินใจ
“ผู้หญิงกับการทำงานใน Startup มันไปด้วยกันได้ ยิ่งเราค่อนข้างได้เปรียบในการผสานความอ่อนโยน และความแข็งได้ดี ซึ่งวิธีการทำงานแบบ Startup คือ Move Fast Learn Fast ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ 100% เราพลาดได้ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขและพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ความอดทนและพยายามจึงเป็นจุดที่ทำให้ผู้หญิงสามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานแบบนี้ได้”
ตัวอย่างการบริหารจัดการงาน และทีมของเธอที่น่าสนใจในช่วง Work from Home ที่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการประชุม ทำให้ไม่มี small talk หรือเวลาสั้นๆ กับน้องๆ ในทีมหรือเพื่อนร่วมงาน กลายเป็นการถาม-ตอบ adhoc ตลอดเวลา จนบางทีไม่มีเวลาทำงานของตัวเอง
“การจัดสรรเวลาเป็นเรื่องสำคัญ เราก็เลย book slot ของตัวเองเพื่อเคลียร์งาน และนัด catch up กับน้องๆ ในทีมจะได้สื่อสารกัน รวบรวมคำถาม ปัญหา และอัพเดตงานต่างๆ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าวิธีนี้ค่อนข้างได้ผล ช่วยในการบริหารเวลาและฟีดแบ็กที่ทีมต้องการ และทำให้โฟกัสกับเรื่องที่คุยหรือประชุมอยู่ได้ดี”
ฝั่งเทคโนโลยีที่มีผู้หญิงคอยขับเคลื่อน
ผู้หญิงคนสุดท้ายที่ Brand Inside อยากแนะนำให้รู้จักคือ เม-เมธิตา เจริญราษฎร์ Backend Product Principal เธอน่าสนใจที่เป็นหัวหน้าผู้หญิงในฝั่งเทคโนโลยี ซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยนักในบริษัทเทคโนโลยี รวมถึงองค์กรอื่น ๆ
“เม จบ Computer Science และทำเกี่ยวกับเรื่องนี้มา 14 ปี ตั้งแต่เรียน เม เป็นผู้หญิงคนเดียวในเพื่อนกลุ่มผู้ชายมาตลอด และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าความสามารถเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จ ไม่เกี่ยวว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ซึ่งความจริงแล้วคนรุ่นพวกเราโตมาแบบ Digital Native จึงไม่ใช่ปัญหาที่ว่าผู้หญิงจะทำงานด้านเทคโนโลยีไม่ได้ ผู้หญิงสามารถทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ดี มีความสามารถด้านการเข้าอกเข้าใจ และละเอียดอ่อน ทำให้สามารถทำ Product และ Functional Design ได้ดี เมื่อผสมผสานกับความเชี่ยวชาญเชิง Technical ของผู้ชาย ทำให้การทำงานร่วมกันเป็นทีมได้สมบูรณ์มากขึ้น”
ก่อนจะเข้ามาร่วมงานกับ The 1 เธอเคยทำงานทั้งหลังบ้าน, เป็นที่ปรึกษาด้าน CRM จากนั้นเข้ามาอยู่ในเครือเซ็นทรัล ซึ่งหลายครั้งมีหัวหน้างานเป็นผู้หญิง และเป็นแบบอย่างของเธอในการขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมดูแลเทคโนโลยีหลังบ้านของ The 1 ที่ปัจจุบันมีคนในทีมเป็นผู้หญิงถึง 60%
“การเข้ามาอยู่กับ The 1 ต้องบอกว่าเป็นผู้หญิงที่บุกเบิกงานนี้ และหลังทำมาปีครึ่ง ก็เริ่มมีทีมงานเข้ามาเสริมเป็นสิบคน ชึ้ให้เห็นว่าองค์กรเชื่อในตัวเราว่าทำได้ และส่งทีมมาช่วยให้มันไปได้มากกว่าเดิม วัดกันที่ความสามารถ ไม่ได้คิดเหมือนในอดีตที่ผู้หญิงกับนวัตกรรมไปด้วยกันไม่ได้”
แม้จะมีคนในทีมมากกว่าเดิม แต่ เม ยอมรับว่า ตอนนี้ตัวเองค่อนข้างโหลด เพราะต้องบริหารจัดการทั้งงานของตัวเอง ของทีม และ Coach น้องๆ ในทีมให้สามารถรันงานต่อได้ด้วยตัวเอง ซึ่ง 80% เป็นน้องที่เข้าใหม่ทั้งหมดจากการขยายทีมอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงมีการพูดคุยกับทีมเป็นประจำ พร้อมให้คำแนะนำในทุกเรื่อง โดยเฉพาะการแบ่งเวลาเมื่อต้อง Work from Home เป็นเวลานาน
“Design Thinking คือสิ่งที่ทีมของ เม ต้องใช้ตลอดเวลา ในการทำความเข้าใจลูกค้าเพื่อพัฒนา solutions ที่ตอบโจทย์การใช้งาน ดังนั้นการช่วยให้ทีมมีอิสระทางความคิด มีเวลาทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะช่วงโควิด และ Work from Home จึงกลายเป็นความท้าทายใหม่ ที่จะต้องส่งมอบงานให้ได้ตรงเวลาและมีคุณภาพและ Coach น้องๆ ไปพร้อมๆ กัน”
ทั้งหมดนี้คือผู้หญิงเก่งของ The 1 และพิสูจน์แล้วว่าพวกเธอไม่ได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่ง หัวหน้าทีมด้วยความบังเอิญ แต่คือความเก่งกาจ และมีฝีมือ รวมถึงการเปิดกว้างของ The 1 ที่ให้ความสำคัญเรื่องความแตกต่าง
และหลังจากนี้ The 1 ที่พลิกโฉมตัวเองสู่องค์กรเทคโนโลยี และทำงานแบบ Startup เต็มตัว ก็มีโอกาสเติบโต และสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน ต้องรอติดตามดูกันต่อไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา