The 1 Insight รายงานข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคโดย The 1 ลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย ภายใต้เครือเซ็นทรัล พาไปเจาะลึกพฤติกรรมนักช้อปหลังล็อกดาวน์ COVID-19 หรือช่วงตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. – 30 มิ.ย. 63 โดยฐานข้อมูล The 1 จัดกลุ่มออกเป็น 5 แบบ ดังนี้
Splurge Hard – เปิดมาก็ช้อปหนัก
จากฐานข้อมูล The 1 พบว่ามีกลุ่มลูกค้าประเภท Splurge Hard เป็น 1 ใน 4 ของลูกค้าทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มียอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 137% เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังล็อกดาวน์ กลุ่มนี้นิยมซื้อสินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และอาหารทะเล ฯลฯ โดยใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 177% นี่เป็นเหตุมาจากล็อกดาวน์และคำสั่งปิดห้าง จนทำให้พวกเขาไม่สามารถออกมาช้อปได้เหมือนปกติ เมื่อคลายล็อกดาวน์ ลูกค้ากลุ่มนี้จึงได้กลับมาช้อปในแบบที่คุ้นเคย เพื่อคลายเครียดจากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา
ทางด้านสินค้าชิ้นใหญ่อย่างทีวี แอร์ เครื่องซักผ้า และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มนี้เช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 4 เท่า เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังล็อกดาวน์ ซึ่งเป็นผลมาจากการอยากทำบ้านให้น่าอยู่และสะดวกสบาย เพื่อตอบรับทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตที่อยู่กับบ้านมากขึ้น แต่ที่ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้ซื้อจากช่องทางออนไลน์ในช่วงล็อกดาวน์ ก็เป็นเพราะยังชอบที่ได้เห็นของจริงก่อนซื้อ บ่งบอกได้เลยว่ายังคงมีสินค้าบางประเภทที่ลูกค้ายังเลือกที่จะขอเห็นสินค้ากับตาก่อน
Back to Normal – ชีวิตไปต่อ ช้อปเหมือนเดิม
จากฐานข้อมูล The 1 พบว่ากลุ่มลูกค้าประเภท Back to Normal หรือกลุ่มลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายอยู่ในระดับเท่าเดิม เปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังล็อกดาวน์ นับเป็น 9% จากลูกค้าทั้งหมด ซึ่งพวกเขายังคงซื้อสินค้าในหมวดต่างๆ ในปริมาณที่ไม่ต่างไปจากเดิม โดยสินค้าที่สนใจเป็นพิเศษคือสินค้าของใช้แต่งบ้าน ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 25% รวมถึงสินค้าหมวดกีฬาเพื่อรักษาสุขภาพในช่วงนี้ โดยมียอดขายโตขึ้น 37%
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจก็คือ ลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนมากยังคงใช้จ่ายกับสินค้าความงามในระดับเดียวกันกับก่อนปิดล็อกดาวน์ ในขณะที่สินค้าหมวดอาหารและแฟชั่นกลับซื้อสินค้าในระดับที่ต่ำลง แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเวลาไหน เรื่องความสวยความงามก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่ลูกค้าลงทุน
Essentials First– เน้นของจำเป็นก่อน
ลูกค้ากลุ่ม Essentials First นับเป็น 25% ของลูกค้าทั้งหมด โดยจากฐานข้อมูล The 1 พบว่า พวกเขาใช้จ่ายในระดับเดียวกับก่อนล็อกดาวน์ แต่ลดการใช้จ่ายในหมวดอื่น และเปลี่ยนมาเน้นซื้อของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นถึง 67% โดยเฉพาะวัตถุดิบทำอาหาร วัตถุดิบอบขนม และของสด ซึ่งมาจากกระแสการทำอาหารทานเองที่ต่อเนื่องมาจากช่วงปิดล็อกดาวน์
Spending Cut – รัดเข็มขัดสู้วิกฤติ
ในสภาวะเศรษฐกิจไม่คงที่ ฐานข้อมูล The 1 พบว่ามีลูกค้าอยู่ 7% ของลูกค้าทั้งหมด ที่ลดการจับจ่ายใช้สอยโดยรวมลงถึง 46% โดยเฉพาะหมวดเสื้อผ้าและความงามที่ยอดขายลดลงกว่าครึ่ง แต่ลูกค้ากลุ่มนี้น่าสนใจที่ว่า กว่า 60% เป็นลูกค้าที่เคยมียอดใช้จ่ายสูงในช่วงก่อนล็อกดาวน์ จึงเป็นไปได้ว่าพวกเขาเพียงใช้จ่ายอย่างรอบคอบมากขึ้นและเน้นซื้อของจำเป็น เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์อันไม่แน่นอนนี้
Spending Hibernation – พัก (การใช้จ่าย) ก่อน
จากฐานข้อมูล The 1 พบว่ากว่า 35% ของลูกค้าทั้งหมด ใช้จ่ายโดยรวมลดลงถึง 70% ซึ่งน่าจะเป็นผลกระทบโดยตรงจากพิษเศรษฐกิจในยุค COIVD-19 และยังพบอีกว่า 52% ของลูกค้ากลุ่มนี้เปลี่ยนนิสัยเดินช้อปในห้างช่วงสุดสัปดาห์ มาเดินซื้อเฉพาะของใช้ประจำวันที่จำเป็นในวันธรรมดาแทน อาจเพื่อลดการใช้เวลาในห้าง ซึ่งจะช่วยลดการใช้จ่ายไปด้วยในตัว หรืออาจะเป็นเพราะจากการว่างงานก็เป็นได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา