สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อาจส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมส่งออกอาหารทะเลของไทย ขณะเดียวกันประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่ส่งออกสินค้าประเภทอื่นๆ ก็มีทั้งได้รับผลมากน้อยสลับกันไป
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าประเทศไทยอาจได้รับผลดีจากการส่งออกอาหารทะเลเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนก่อให้เกิดปัญหาสงครามทางการค้า โดยรายได้จากการส่งออกอาหารทะเลไทยอยู่ประมาณ 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 10% ของสินค้าส่งออก
คาดว่าในช่วงที่จะถึงนี้อาหารทะเลของไทยจะสามารถแย่งสัดส่วนจากอาหารทะเลของทั้ง 2 ประเทศมาได้ เนื่องจากการตั้งกำแพงภาษีอาหารทะเลระหว่าง 2 ประเทศ โดยล่าสุดสหรัฐเตรียมที่จะขึ้นภาษีอาหารทะเลที่นำเข้าจากประเทศจีนไม่ว่าจะเป็น ปลาแซลมอน เนื้อปู รวมไปถึงล็อบสเตอร์ และจีนก็อาจขึ้นภาษีนำเข้าอาหารทะเลจากสหรัฐตอบโต้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้อาหารทะเลส่งออกของไทยสามารถแย่งสัดส่วนได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังได้กล่าวเสริมถึงเรื่องยอดการส่งออกในปีนี้ โดยคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 8% ซึ่งถ้าหากไม่มีเรื่องของสงครามการค้าก็คาดว่าจะได้เห็นตัวเลขการส่งออกของไทยนั้นน่าจะอยู่ในเลข 2 หลักด้วยซ้ำ โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวว่าไทยสามารถหลีกเลี่ยงจากสงครามการค้าได้
อย่างไรก็ดีไทยยังคงต้องระมัดระวังถ้าหากประเทศจีนลดค่าเงินหยวนเพื่อที่จะสามารถส่งออกได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงของสินค้าไทยได้
อาเซียนได้รับผลมากน้อยสลับกันไป
ขณะประเทศอื่นๆ ในอาเซียนนั้นได้รับผลดีแย่ต่างกันไป
- ประเทศอินโดนีเซีย อาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินหยวนอ่อนค่า ทำให้การส่งออกไม้ได้ลดลง แต่รัฐบาลกำลังอาจใช้วิธีลดภาษีส่งออกเพื่อที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถสู้กับประเทศอื่นๆ ได้
- ประเทศมาเลเซีย รัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียได้กล่าวว่าประเทศมาเลเซียน่าจะได้รับผลกระทบในเรื่องนี้น้อยมาก
- ประเทศฟิลิปปินส์ Moody’s คาดว่าอาจได้ไม่รับผลกระทบจากสงครามการค้า ถึงแม้ว่าสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศจีนมีสัดส่วนถึงประมาณ 17% ก็ตาม เนื่องจากยังได้ปัจจัยสำคัญคือการบริโภคในประเทศที่ยังเติบโต
- ประเทศเวียดนาม อาจได้รับผลกระทบหนักถ้าหากประเทศจีนลดค่าเงินหยวนให้อ่อนค่า เพราะจะกลายเป็นว่าสินค้าจากเวียดนามส่งออกได้น้อยลง
ที่มา – South China Morning Post, หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา