ในปี 2019 ก่อนเกิดการระบาดของโควิด ประเทศไทยเคยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากถึง 3 ล้านล้านบาท แต่พอต้องล็อกดาวน์ในปี 2020 รายได้ส่วนนี้ก็หายไปเกิน 8 แสนล้าน
คำถามคือ เราจะมีโอกาสฟื้นตัวกลับไปเหมือนยุคก่อนโควิดหรือไม่?
Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ ‘Omri Morgenshtern’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ‘Agoda’ ผู้เชื่อว่าประเทศไทยยังมีหวังในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวอยู่ และจากการคาดการณ์ ปี 2025 ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 39 ล้านคน
[ Agoda บอก ‘ไทย’ อันดับ 2 ประเทศท่องเที่ยวโลก ]
จากข้อมูลของ Agoda ในระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 พบว่า ไทยครองอันดับ 2 ของประเทศที่ได้รับการจองมากที่สุด โดยที่ 1 คือญี่ปุ่น ตามด้วยเกาหลีใต้ เวียดนาม และมาเลเซีย เป็นอันดับที่ 3-5
อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงจุดหมายปลายทางที่ได้รับการจอง ‘เที่ยวบิน’ มากที่สุด ‘กรุงเทพมหานคร’ ของเราก็คว้าแชมป์อันดับ 1 บน Agoda ไปเลย
นอกจากนี้ Agoda ยังเผยว่า ในปี 2024 การค้นหาที่พักในไทยโดยชาวต่างชาติยังเพิ่มขึ้นประมาณ 18% โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยมากที่สุด ได้แก่
- มาเลเซีย เพิ่มขึ้น 21%
- เกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 22%
- สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 21%
[ 4 สาเหตุทำไมการท่องเที่ยวไทยดีและจะดีขึ้นอีกในปี 2025 ]
Morgenshtern เผย 4 สาเหตุหลักที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยดูมีหวังมากขึ้นในปีหน้า คือ
- การยกเว้นวีซ่าเข้าไทยสำหรับบางประเทศ จะทำให้กระบวนการเดินทางของนักท่องเที่ยวง่ายขึ้น และจากข้อมูลการค้นหาที่พักในไทยบนแพลตฟอร์ม Agoda พบว่า
- ยอดการค้นหาจากนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเพิ่มขึ้น 30% ภายใน 30 วันหลังประกาศยกเว้นวีซ่า
- ยอดการค้นหาจากนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันเพิ่มขึ้น 19% ภายใน 30 วันหลังประกาศยกเว้นวีซ่า
- ความจุเที่ยวบินเข้าสู่ประเทศไทย อาจเพิ่มขึ้นราวๆ 6% ในปี 2025 โดยตัวอย่างของนักท่องเที่ยวชาติที่จะบินเข้าไทยมากขึ้นคือ อินเดีย (16%) ฮ่องกง (13%) และ ญี่ปุ่น (12%)
- ไทยเป็นประเทศที่มีผู้มาเยือนซ้ำมากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกบน Agoda ซึ่ง Morgenshtern เผยว่าการมาประเทศไทยเปรียบเสมือนกับ ‘ยาเสพติด’ เมื่อคนมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็อยากมาอีก และเมื่อมาไทยซ้ำ นักท่องเที่ยวมักจะไปเที่ยวยังเมืองรองที่ไม่เคยไป เช่น เบตง อุดรธานี หรือ เกาะหลีเป๊ะ
- ไทยมีจุดขายมากมาย เพราะนอกจากธรรมชาติและชายหาดสวยๆ เรายังมีสิ่งที่เขาเรียกกันว่า ‘5Fs’ ซึ่งประกอบไปด้วย
- Food (อาหาร) : ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตอันดับ 3 ในเอเชียแปซิฟิกสำหรับสายกิน
- Film (ภาพยนตร์) : 6% ของนักท่องเที่ยวไทยวางแผนที่จะไปเยี่ยมชมโลเคชันถ่ายทำหนังในประเทศ
- Fashion (แฟชัน) : เทรนด์การท่องเที่ยวแบบลักชูรีในไทยก็ได้รับความนิยม โดยปี 2024 มียอดเสิร์ชหาโรงแรม 5 ดาวมากกว่าเดิมถึง 18%
- Fight (การต่อสู้) : นอกจากมวยไทยแล้ว ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่ชื่นชอบการผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้งด้วย
- Festival (เทศกาล) : เทศกาลและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนอยากมาเที่ยวไทย
ในมุมมองของ Morgenshtern เขาเชื่อว่า หากประเทศไทยมี ‘สวนสนุก’ เราจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะสวนสนุกก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนอยากมาเยือนประเทศต่างๆ แต่ไทยยังไม่มีธีมปาร์คใหญ่ๆ หรือสวนสนุกระดับโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาได้
[ นักท่องเที่ยวมาไทยแล้วติดแกลม ชอบล่องเรือดินเนอร์กับทานบุฟเฟต์บนตึกใบหยก ]
หากถามว่านักท่องเที่ยวมาไทยแล้วชอบไปไหน ก็จะได้คำตอบว่าสถานที่ยอดฮิตคือ กรุงเทพมหานคร พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ตามลำดับ
ทั้งนี้ นักเดินทางไม่ได้มาเที่ยวแค่เมืองหลักๆ เท่านั้น เพราะเมืองรองในประเทศก็เอาชนะใจชาวต่างชาติได้ไม่แพ้กัน โดยเมืองรองยอดนิยมในประเทศไทยคือ เกาะหลีเป๊ะ เชียงราย เกาะช้าง เบตง และปาย
ส่วนเมืองรองที่นักท่องเที่ยวนิยมกลับมาเยือนซ้ำอีกครั้ง เรียงตามการค้นหามากที่สุด 5 อันดับแรก ก็คือ เบตง อุดรธานี เกาะหลีเป๊ะ เชียงราย และเกาะช้าง
ในแง่ของกิจกรรมที่นักเดินทางจองเข้ามาทำในไทยมากที่สุด คือ
- ล่องเรือดินเนอร์เจ้าพระยา
- บุฟเฟต์บนตึกใบหยก
- เที่ยวตลาดน้ำแบบไปเช้าเย็นกลับ
- เรียนทำอาหารไทย
- เข้าชมปราสาทสัจธรรม
ยังไงคนไทยก็รักญี่ปุ่น แต่ก็ชอบเวียดนาม-จีนมากขึ้นมาก
นอกจากนี้ Agoda ยังเปิดเผยพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยในปี 2024 อีกด้วย
สำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศมีแนวโน้มจะดีขึ้น เพราะมีการค้นหาที่พักเพิ่มราว 8% โดย ‘กรุงเทพมหานคร’ ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ตามด้วย พัทยา หัวหินหรือชะอำ เชียงใหม่ และชลบุรี
ในส่วนของการท่องเที่ยวต่างประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ ยังครองแชมป์ประเทศยอดฮิตสำหรับคนไทยเช่นเคย ซึ่งในปีนี้มีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้น 26% โดยโตเกียว โอซาก้า และ ซัปโปโร เป็นเมืองปลายทางที่คนไทยนิยมตามลำดับ
นอกจาก ญี่ปุ่นแล้ว ประเทศที่คนไทยชอบไปรองลงมาก็คือ ‘เวียดนาม’ ที่ในปีนี้ กระโดดจากประเทศยอดฮิตอันดับ 4 ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ตามด้วยจีนและมาเลเซีย
ด้าน ‘จีน’ นั้นมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นถึง 206% อาจจะด้วยเหตุผลของการยกเว้นวีซ่าและการฟื้นตัวของโควิด จนทำให้จีนขยับจากอันดับที่ 10 มาสู่อันดับที่ 4
ถ้าถามว่าคนไทยชอบไปสถานที่ไหนมากที่สุดเวลาเที่ยวต่างประเทศ คำตอบเรียงตามความนิยมคือ
- Universal Studios สิงคโปร์
- พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ศิลปะ สิงคโปร์
- Disneyland ฮ่องกง
- พิพิธภัณฑ์สัตวน้ำ สิงคโปร์
- ตั๋วท่องเที่ยวรอบโอซาก้า ญี่ปุ่น
ท้ายสุด Agoda ยืนยันว่า การท่องเที่ยวไทยจะดีขึ้นในปี 2025 ด้วยปัจจัยเรื่องวีซ่า เที่ยวบิน และจุดเด่นต่างๆ ที่ประเทศอื่นให้ไม่ได้ และทางบริษัทเองก็ตั้งใจจะสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ไปในตัวอย่างเต็มที่
แหล่งข้อมูล: National Library of Medicine
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา