สงคราม ส่งด่วนแล้วไง? ‘ไปรษณีย์ไทย’ ยังสู้ได้ ปีนี้รายได้ 1.6 หมื่นล้าน ปีหน้าทำ Super App

ในยุคที่ผู้บริโภคและร้านค้ามีตัวเลือกในการขนส่งมากมาย ทำไม ‘ไปรษณีย์ไทย’ ถึงยังยืนอยู่ได้นานขนาดนี้?

ไปรษณีย์ไทย

ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ไปรษณีย์ไทย หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อายุกว่าร้อยปี ยังสามารถยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งในตลาดสงคราม ส่งด่วนนี้ได้ แถมมีการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย

ปี 2025 ก็เป็นอีกครั้งที่ไปรษณีย์ไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี หน่วยงานสามารถทำรายได้ทะลุ 1.6 หมื่นล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนประมาณ 7% ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุดคือ ‘กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์’

‘ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เผยว่า กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์สร้างรายได้ให้ไปรษณีย์ไทยในช่วง 9 เดือนแรกเกือบๆ 8 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 47.39% เลย มากกว่าปีที่แล้วถึง 8.42% ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของหลายๆ อุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ และสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์

ในแง่ของความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อไปรษณีย์ไทย ก็เพิ่มขึ้นจาก 91.87% ในปี 2024 เป็น 97.92% ในปี 2025 ขณะที่คะแนนความไว้วางใจอยู่ที่ราวๆ 98.26% สูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 2% สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์การใช้บริการที่ดีขึ้นจริง ทั้งในด้านความเร็ว ความแม่นยำ และคุณภาพ

ผลประกอบการดีขึ้น แต่เชื่อว่าดีกว่านี้ได้ เร่งหาทางเข้าถึงอีคอมเมิร์ซหลายแพลตฟอร์ม

แม้ผลประกอบการเพิ่มขึ้น แต่ ‘ดร.ดนันท์’ มองว่า จริงๆ แล้ว มันน่าจะดีกว่านี้ได้ เพียงแค่ในปี 2025 ดันเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดอย่าง นโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำให้รายได้ระหว่างประเทศลดลงกว่า 200 ล้านบาท

“เป็นปีที่ค่อนข้างไม่ได้ง่ายสำหรับไปรษณีย์ไทย จากสภาพแวดล้อมหรือเศรษฐกิจเอง สภาพแวดล้อมของ GDP ด้วย กำลังซื้อด้วย ก็ถือว่าเราก็ยังสามารถที่จะ defend market share เราได้ค่อนข้างโอเค” ดร.ดนันท์กล่าว

ดร.ดนันท์ยังบอกว่า ความท้าทายคือ ปกติแล้ว ผู้ใช้บริการไปรษณีย์ไทยจะเป็น ‘กลุ่มลูกค้าทั่วไป’ เสียส่วนใหญ่ แต่ตลาดนี้ไม่โตเลย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ส่งของแค่ตามความจำเป็นเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ดร.ดนันท์เล่าว่า ตลาดที่โตขึ้นคือธุรกิจที่ผูกกับ ‘การซื้อขายออนไลน์’ ซึ่งไปรษณีย์ไทยต้องไล่ตามให้ทัน เนื่องจากทุกวันนี้ ช่องทางการซื้อขายออนไลน์มีมากมาย ไม่เว้นแม้แต่การสั่งสินค้าผ่าน AI 

ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าสมัยใหม่จึงไม่ได้มีช่องทางการขายเพียงแห่งเดียว และไปรษณีย์ไทยต้องหาทางเข้าถึงช่องทางต่างๆ เพื่ออยู่รอด

ดร.ดนันท์มองว่า หากไปรษณีย์ไทยจะมัวแต่ยึดติดว่าเป็นธุรกิจขนส่ง ยังไงก็ลำบาก ส่งผลให้ในตอนนี้ ทางหน่วยงานจึงพยายามขยับมาเป็น ‘เครือข่าย’ (Network) แทน โดยมีการขนส่งเป็นเพียงหนึ่งในบริการที่สร้างคุณค่าให้องค์กร ควบคู่กับกิจกรรมอื่นๆ เช่น

  • Postman Cloud ต่อยอดเครือข่ายบุรุษไปรษณีย์ ขยายกำลังคนในพื้นที่ เพื่อรองรับความต้องการในการเก็บข้อมูลและสำรวจทรัพย์
  • Digital Postbox ตู้ไปรษณีย์ดิจิทัลส่วนบุคคล ที่สามารถจัดเก็บเอกสาร รับรอง ลงลายมือชื่อ พร้อมจัดส่ง ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
  • Digital Post ID หรือ D/ID รหัสกลางแบบดิจิทัลที่ทำให้การร่วมงานระหว่างหน่วยงานรัฐ อีคอมเมิร์ซ และเอกชนเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะในแง่การชำระเงินปลายทาง คืนพัสดุ หรือตรวจสอบสถานะ

“เรามีการปรับตัวกับพฤติกรรมคนที่เปลี่ยน จากแต่ก่อนเขียนจดหมาย วันนี้ไม่เขียน แล้วก็ส่งไปเป็นข้อมูลแทน เราก็ต้องเขยิบขึ้นไปให้ได้ ถ้าเราเขยิบขึ้นไปไม่ทัน หมายความว่าอยู่กับ physical อย่างนี้ มันก็หายไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ทุกวันนี้เราก็ต้องมีการแก้ไขและปรับตัวเอง”

มุ่งหน้าผลักดันบริการดิจิทัล มีทั้ง Super App – แชตบอต – ธุรกิจใหม่ร่วมกับพาร์ทเนอร์

ไปรษณีย์ไทย
‘ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบริการดิจิทัล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

สำหรับปี 2026 ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งหน้าผลักดันบริการดิจิทัลเช่นเดิม โดย ‘ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบริการดิจิทัล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เล่าว่า ตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ จนถึงปีหน้า ผู้บริโภคจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ

  1. Super App แอปพลิเคชันรวมทุกบริการ ครบจบในจุดเดียว

ในช่วงที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยมีแอปพลิเคชันทั้งหมดถึง 5 แอปฯ ทำให้บริการต่างๆ กระจายตัว ส่งผลให้ในปีนี้ องค์กรจึงเร่งพัฒนา ‘Super App’ รวบรวมทุกบริการทั้งการขนส่ง การเงิน และอีคอมเมิร์ซไว้ในแอปพลิเคชันเดียว เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้บริการอย่างไร้รอยต่อ โดยจะพร้อมให้ดาวน์โหลดภายในไตรมาส 1 ของปี 2026

  1. AI แชตบอต ช่วยเหลือทั้งผู้ใช้บริการและพนักงานไปรษณีย์

แม้ไปรษณีย์ไทยมีช่องทางการติดต่อเดิมอยู่แล้ว แต่จะนำ AI แชตบอตชื่อว่า ‘พี่ไปรฯ’ เข้ามาให้ข้อมูลหรือแก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วย รวมถึงมีบริการเปลี่ยนที่อยู่ระหว่างการจัดส่ง และแสดงแผนที่ติดตามการขนส่งแบบเรียลไทม์

ขณะเดียวกัน พี่ๆ บุรุษไปรษณีย์และพนักงานไปรษณีย์ไทยทุกคนก็จะมี AI แชตบอตชื่อ ‘น้องณีย์’ เข้ามาช่วยให้บุคลากรเข้าถึงองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น

  1. ธุรกิจใหม่จากไปรษณีย์ไทยร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม

‘Sustainnovation’ เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญของไปรษณีย์ไทย เพราะเชื่อว่าจะนำความยั่งยืนมาสู่การเติบโตระยะยาวได้ โดยเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาโครงสร้างธุรกิจอย่างรอบด้าน

ปัจจุบัน ไปรษณีย์ไทยจึงกำลังมุ่งหน้าตามหาพาร์ทเนอร์ โดยเฉพาะในแวดวงเทค ที่จะมาร่วมอุดมการณ์สร้างธุรกิจใหม่ไปด้วยกัน ซึ่งเปิดรับทั้งรูปแบบ Joint Venture (กิจการร่วมค้า) และ Subsidiary (บริษัทย่อย) 

‘ดร.ตฤณ’ กล่าวว่า ธุรกิจดังกล่าว นอกจากหวังให้มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของไปรษณีย์ไทยแล้ว ในอนาคต ยังมีโอกาสพัฒนาเป็นสินค้าเทคโนโลยีที่สามารถช่วยเหลืออุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย โดยจะทำงานกันแบบ ‘เอกชน’ เพื่อดึงดูดบุคลากรเก่งๆ 

จับมือไปรษณีย์ลาวเป็นปีที่ 29 เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

ไปรษณีย์ไทย
‘ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ ‘ฤทธิกร ภูมิศักดิ์’ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ลาว จำกัด

พูดถึงแผนการดำเนินงานในประเทศไปแล้ว มาดูกลยุทธ์การขนส่งระหว่างประเทศของไปรษณีย์ไทยกันบ้าง เพราะเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2025 ทางองค์กรเพิ่งเข้าประชุมความร่วมมือด้านไปรษณีย์ครั้งที่ 29 กับ ‘ไปรษณีย์ลาว’ มา

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นมาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของไทยและลาว ผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่

  1. ยกระดับความปลอดภัยและมาตรฐานสากลของการขนส่งไปรษณีย์ ผ่านระบบส่งต่อถุงเมล์แบบปิด-เปิดทางอากาศกับภาคพื้น รวมถึงบริการ EMS ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่เชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ศุลกากร ควบคู่กับการเพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสินค้า
  1. พัฒนาบริการอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โดยขยายบริการ ePacket หรือบริการขนส่งระหว่างประเทศแบบประหยัด รวมถึงการชำระเงินปลายทางของประเทศไทย ลาว และจีน เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถส่งสินค้าข้ามพรมแดนได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ตอบรับกระแสการเติบโตของตลาดดิจิทัลในภูมิภาค
  1. เสริมศักยภาพทางการเงินดิจิทัล ด้วยช่องทางชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมต่ออายุความร่วมมือแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ ‘Western Union’ ผู้ให้บริการโอน-รับเงินระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มทางเลือกที่ปลอดภัย โปร่งใส และทันสมัย
  1. สร้างภาพลักษณ์ผ่านการตลาดและตราไปรษณียากร ที่จะสะท้อนมิตรภาพ รวมถึงวัฒนธรรมของสองประเทศ ผ่านการจัดทำแสตมป์เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-ลาว
  1. พัฒนาศักยภาพบุคลากร ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้หรืออบรมในรูปแบบ Onsite และ Virtual Learning ระหว่างบุคลากรไปรษณีย์ไทยกับไปรษณีย์ลาว เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการของทั้งสององค์กร

ดร.ดนันท์มองว่า ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยและไปรษณีย์ลาวในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการเชื่อมการขนส่งของสองประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสนับสนุนความมั่นคงทางเศรษฐกิจด้วย โดยทั้งคู่จะทำงานร่วมกันในทุกมิติ เพื่อก้าวสู่การเป็น ‘Trusted ASEAN Brand’ หรือแบรนด์ที่เชื่อถือได้ของภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน

“สิ่งเหล่านี้จะช่วยยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตอย่างสมดุล พร้อมตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) อย่างแท้จริง” ดร.ดนันท์กล่าว

ไปรษณีย์ไทยคือตัวอย่างของหน่วยงานรัฐอายุกว่า 100 ปีที่รู้จักปรับตัวให้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และ Brand Inside เชื่อว่า แนวคิดนี้จะสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจ รวมถึงในชีวิตประจำวัน เพื่อการพัฒนาตนเองได้เช่นกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา