ไทยเตรียมหารือจีน-มาเลย์ ทำ Travel Bubble กระตุ้นการท่องเที่ยว

ไทยเตรียมหารือกับจีนและมาเลเซียเพื่อทำ Travel Bubble ระหว่างกัน หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมเตรียมหารือกับรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนถึงความเป็นไปได้ในการทำความตกลงเพื่อให้มีการเดินทางแบบทวิภาคีระหว่างกัน

Travel Bubble

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ไทยได้พยายามใช้โครงการ sandbox เพื่อจัดให้มีการท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ก็ล้มเหลวในแง่การดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยในจำนวนมาก ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนและมาเลเซียนถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดของไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เทียบจากก่อนช่วงเกิดโรคระบาด จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2019 ชาวจีน 11.1 ล้านคน มาเลเซีย 4.3 ล้านคน อินเดีย 2 ล้านคน เกาหลี 1.9 ล้านคน ลาว 1.9 ล้านคน สัญชาติอื่นอีกราว 18.8 ล้านคน

นักท่องเที่ยวจีนและมาเลเซียนรวมกันได้มากกว่า 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวที่มาไทยในปี 2019 ราว 40 ล้านคน สร้างรายได้ให้ไทยราว 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

เรื่องนี้ ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ระบุว่า เราคิดว่า การทำ Travel Bubble จะส่งผลบวกสำหรับภาคการท่องเที่ยวในไทยมากกว่า ภายใต้ระบบ Test & Go และไม่ต้องกักตัวจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่มขึ้น แผนดังกล่าวน่าจะช่วยทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวได้บ้างในช่วงครึ่งหลังของปีนี้หรือช่วงปลายปีนี้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ภาพจากทำเนียบรัฐบาล

ด้าน พญ. สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ระบุว่า การลงทะเบียน Test & Go ผ่านทาง Thailand Pass เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา มีคนขออนุมัติกว่า 15,000 รายต่อวัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

โดย Thailand Pass พิจารณาหลักฐานสำคัญ 2 ส่วนคือ

  • หลักฐานการจองโรงแรม ต้องได้ตามมาตรฐาน SHA Extra+ ต้องมีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการที่สามารถตรวจ RT-PCR แก่นักท่องเที่ยวที่มาถึงได้ 2 ครั้ง คือวันแรกที่มาถึง กับวันที่ 5 (กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ช่วยตรวจหลักฐาน) ผลตรวจ RT-PCR ต้องใช้ระยะเวลาไม่เกิน 7 วันจึงจะสามารถเดินทางเข้าไทยได้
  • หลักฐานการฉีดวัคซีน ต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก WHO (กรมควบคุมโรคจะช่วยตรวจหลักฐาน)

เมื่อ 2 หลักฐานนี้ครบถ้วน จะส่งหลักฐานกลับไปยังกรมการกงสุล เพื่อตรวจพิจารณาหลักฐานอื่น เช่น ประกันชีวิต ดังนั้น กรมการกงสุลจะสามารถออก QR Code ให้ได้ เมื่อหลักฐานทุกอย่างผ่าน หลังยื่นหลักฐานแล้วจะใช้เวลาในการตรวจหลักฐานประมาณ 7-14 วัน ถ้ายังไม่ได้หลักฐาน สามารถติดต่อสอบถามที่กรมการกงสุล เบอร์ 02-672-8442, 065-205-4207 ถึง 4249 หรือ email support@tp.consular.go.th หากอยู่ต่างประเทศสามารถติดต่อสถานทูตและสถานกงสุงในประเทศที่พำนักอยู่ได้

ที่มา – Bloomberg, รัฐบาลไทย (1), (2), (3)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา