ส่งออกไทยวิกฤติ ยอดเดือนมิถุนายนติดลบ 2.1% สินค้าส่งไปจีนหดตัวหนักที่สุดเกือบ 15%

ตัวเลขการส่งออกในเดือนมิถุนายนของไทยยังวิกฤติ ตัวเลขรวมของการส่งออกไทยติดลบ 2.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ถ้าหากหักการส่งออกทองคำออกไปแล้ว เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาส่งออกจะติดลบถึง 8.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

Bangkok Port Container
ภาพจาก Shutterstock

ส่งออกไทยยังวิกฤติ ตัวเลขการส่งออกไทยเดือน มิ.ย. 2019 โดยรวมหดตัวที่ -2.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่หากหักทองคำ การส่งออกหดตัวถึง -8.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และถ้าหากไม่รวมการส่งกลับอาวุธไปยังสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. มูลค่าส่งออกของไทยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 มูลค่าการส่งออกหดตัวที่ -4.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

สินค้าสำคัญที่มีการหดตัวยังคงเป็นสินค้าที่เป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตสินค้าส่งออกของจีนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ เช่น

  • คอมพิวเตอร์-อุปกรณ์และส่วนประกอบ -15.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • เคมีภัณฑ์และพลาสติก -19.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • แผงวงจรไฟฟ้า -20.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีสินค้าส่งออกประเภทอื่นที่มีการหดตัว เช่น ข้าว เม็ดพลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาง รวมไปถึงน้ำตาลทราย ขณะที่สินค้าสำคัญที่มีการขยายตัวในเดือน มิ.ย. คือยางพาราที่ส่งออกเติบโตถึง 11.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการส่งออกยางพาราไปยังตลาดจีนและสหรัฐ

สำหรับตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนที่ผ่านมาหดตัวเกือบทุกตลาดสำคัญ

  • การส่งออกไปจีนที่หดตัวถึง -14.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • การส่งออกไป CLMV ที่หดตัว -9.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แยกรายละเอียดได้ดังนี้
    • กัมพูชา หดตัวมากจากการส่งออกจักรยานยนต์
    • ลาว หดตัวมากจากการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป
    • เมียนมา หดตัวมากจากการส่งออกเครื่องจักร
    • เวียดนาม หดตัวมากจากการส่งออกเม็ดพลาสติก

อย่างไรก็ดี การส่งออกไปยังอินเดียยังสามารถขยายตัวได้ที่ 8.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขดุลการค้าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้นดุลการค้าของประเทศไทยยังเกินดุลที่ 3,212 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การส่งออกที่หดตัวต่อเนื่อง มีแนวโน้มทำให้ GDP ไตรมาส 2 ของปีนี้ชะลอตัวจากไตรมาสแรก สะท้อนว่าสถานการณ์ด้านส่งออกในช่วงไตรมาส 2 ยังไม่มีทิศทางดีขึ้นจากไตรมาสแรก นอกจากนี้ SCB EIC ยังมีมุมมองที่ว่าการหดตัวที่ต่อเนื่องของภาคส่งออกได้เริ่มกระจายไปยังภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น การชะลอลงของภาคท่องเที่ยวและการลงทุนภาคเอกชน จึงทำให้คาดว่า GDP ไตรมาสที่ 2 จะมีแนวโน้มชะลอลงจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.8% ทั้งนี้ SCB EIC ยังคงมุมมองอัตราการขยายตัวของ 2019 GDP ที่ 3.1%

ที่มาบทวิเคราะห์ของ SCB EIC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ