หลังจากทรัมป์ลงนามกฎหมายหนุนผู้ประท้วงฮ่องกง จีนก็โต้กลับว่าไม่เห็นด้วยกับท่าทีของสหรัฐฯ จีนยึดนโยบายจีนเดียว ฮ่องกงหรือไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีนเท่านั้น การตัดสินใจของทรัมป์เช่นนี้ย่อมไม่ถูกใจจีน
แต่ทรัมป์อาจกลายเป็นฮีโร่ของชาวฮ่องกงที่ประท้วงจีนอยู่บ้าง ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่สอดรับกับท่าทีของผู้ประท้วงส่วนหนึ่งที่เรียกร้องและโบกธงให้ทรัมป์หรืออเมริกาเข้าแทรกแซงการเมืองภายใน
การลงนามกฎหมายหนุนผู้ประท้วงของทรัมป์เกิดขึ้นหลังการเผยผลคะแนนเลือกตั้งสภาท้องถิ่นฮ่องกง ฝ่ายประชาธิปไตยกวาดที่นั่งไปสวยๆ 17 เขตจากทั้งหมด 18 เขต กระบวนการเพื่อลงนามกฎหมายฉบับดังกล่าวเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม
ทำความรู้จักกฎหมายหนุนผู้ประท้วงฮ่องกง
แถลงการณ์ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ระบุว่า ทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมาย S. 1838 เป็นกฎหมายที่ถูกนำมาแก้ใหม่ มันคือกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยแห่งฮ่องกง (Hong Kong Human Rights and Democracy Act of 2019) เป็นกฎหมายที่หมายถึงนโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อพัฒนาการทางการเมืองของฮ่องกง
กฎหมายนี้สามารถที่จะทำให้ประธานาธิบดีใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญผ่านนโยบายต่างประเทศได้ กฎหมายฉบับนี้มีขึ้นตั้งแต่ 20 กันยายน 1991 มีขึ้นเพื่อให้สหรัฐอเมริกาดำเนินนโยบายต่อฮ่องกงได้ และลงนามในวันที่ 5 ตุลาคม 1992
กฎหมายฉบับนี้จะช่วยสนับสนุนชาวฮ่องกงเพื่อให้จีนดำเนินนโยบายจีนเดียวโดยเคารพหลักการหนึ่งประเทศ สองระบบต่อไป และต้องเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนประชาชนในฮ่องกงซึ่งถือว่าสอดคล้องกับผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ด้วย
แถลงการณ์ของทรัมป์ ย้ำถึงกฎหมายดังกล่าวว่าเป็นการลงนามด้วยความเคารพต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และชาวฮ่องกง โดยหวังว่าจะเกิดสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองระหว่างกันตลอดไป
นอกจากนี้ยังมีกฎหมาย S.2710 ที่ห้ามไม่ให้สหรัฐฯ ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์แก่หน่วยงานความมั่นคงของฮ่องกงที่เป็นการควบคุมฝูงชน เพื่อปกป้องชาวฮ่องกงด้วย อาวุธดังกล่าว เช่น แก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย กระสุนยาง กุญแจมือ ปืนช็อตไฟฟ้า เป็นต้น กฎหมายฉบับนี้จะหมดอายุภายใน 1 ปี
ไทยเตรียมขยายมูลค่าการค้ากับฮ่องกงเป็น 600,000 ล้านบาทในปี 2020
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีแถลงร่วมกับแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยย้ำตอนท้ายว่าวันนี้เป็นการลงนามใน MoU ทั้งหมด 5 ฉบับ และจะพบปะกันให้บ่อยครั้งมากขึ้น ความร่วมมือด้านต่างๆ ดังนี้
- ด้านการค้าและการลงทุน ร่วมมือกันผลักดันให้มูลค่าการค้าบรรลุเป้า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 600,000 ล้านบาทในปีหน้า ปี 2563 (ปี 2020) ตามที่ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่ปี 2560 (ปี 2017) (มูลค่าการค้าไทยกับฮ่องกงเพิ่มขึ้น 1.8% หากเทียบกับปีก่อนหน้า ถ้าเพิ่มตามเป้าเป็น 6 แสนล้านบาท มูลค่าการค้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนล้านบาท)
- ด้านการลงทุนและการโยกย้ายฐานการผลิต ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในการสร้างเครือข่าย การแลกเปลี่ยนการเยือน การทำกิจกรรมร่วมกัน ยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย
- ด้านการเงิน ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนเชื่อมโยงตลาดหลักทรัพย์และตลาดทุนของกันและกันผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนชนิดใหม่ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนสีเขียว (เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม)
- ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร่วมมือกันเสริมสร้างใช้พลังเพื่อสร้างมูลค่ากับผลิตภัณฑ์และบริการของทั้งสองฝ่ายและจัดทำแผนงานร่วมกันต่อไป
- ด้านการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Start-up) ด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี สร้างระบบนิเวศของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เป็นรูปธรรมระหว่าง Hong Kong Cyberport และ Innospace Thailand
MoU หรือบันทึกความเข้าใจที่ทำความตกลงและลงนามร่วมกันมี 5 ฉบับ
(1) บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์กับศูนย์การออกแบบฮ่องกง
(2) บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์กับสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง
(3) บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์อุตสาหกรรมฮ่องกง
(4) บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์อุตสาหกรรมฮ่องกง
(5) บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง
การเปิดหน้าหนุนจีนอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งด้วยการขยายการค้ากับฮ่องกงขณะที่บรรยากาศการประท้วงภายในฮ่องกงกำลังร้อนแรงไปพร้อมๆ กับสงครามการค้าที่คุกรุ่นระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ไม่แน่ว่าจะเป็นนโยบายต่างประเทศที่ไทยเลือกเดินอย่างรอบคอบแล้วหรือไม่ แต่เชื่อแน่ว่าไทยยังมีไพ่สหรัฐฯ ที่ซ่อนอยู่
ประเด็นที่สหรัฐฯ เลือกลงนามเพื่อ #SaveHongKong นี้ ถือเป็นไม้เด็ดของสหรัฐฯ เช่นกัน เพราะไม่มีใครกล้าแหย่มังกรให้หงุดหงิดได้เท่าพญาอินทรีอย่างทรัมป์อีกแล้ว
รัฐมนตรีต่างประเทศจีนพูดถึงการตัดสินใจลงนามกฎหมายเพื่อปกป้องฮ่องกงนี้ ถือเป็นฉากเปลือยโฉมหน้ามหาอำนาจที่ชอบครอบงำโลกของสหรัฐอย่างเปิดเผย และจีนยังยืนยันว่าจะตอบโต้สหรัฐฯ อย่างสาสมอีกด้วย
“ฮ่องกงเป็นของจีนและกิจการในฮ่องกงคือกิจการภายในประเทศจีน ไม่ควรมีการแทรกแซงกิจการภายในจากต่างประเทศ”
แถลงการณ์จากจีนย้ำเช่นนั้น และยังย้ำอีกว่า
ขอให้สหรัฐฯ หยุดเสียทีเถอะท่าทีแบบนี้ ไม่เช่นนั้นจีนจะไม่ทน..
ที่มา – BBC, The White House (1), (2), (3), ทำเนียบรัฐบาล, GovTrack (1), (2), (3), (4), Asia Nikkei Review (1), (2)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา