ใครอยากเลือกตั้งยกมือขึ้น! บล.กสิกรไทยคาดวันหย่อนบัตร 24 ก.พ.-5 พ.ค. 62 แล้วอะไรดีขึ้นบ้าง?

ต่อไปเราคงคิดถึงเพลง “เราจะทำตามสัญญา~” เพราะปีหน้าไทยเราจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น!!! หลังจากคนไทยเราไม่ได้หย่อนบัตรลงคะแนนมาตั้งแต่ปี 2557 และกลายเป็นความไม่มั่นคงทางการเมือง ส่งผลให้ต่างชาติกังวลกันถ้วนหน้าและถอนเงินลงทุนจากไทยตั้งแต่ ปี 2556 (ที่เริ่มมีปัญหา) จนถึงตอนนี้เงินต่างชาติไหลออกกว่า 550,000 ล้านบาท

แต่พอมีข่าวการเลือกตั้งเราเห็นต่างชาติกลับมาลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น นอกจากเรื่องนี้ไทยจะมีข่าวดีอะไรอีกบ้าง?

ภาพจาก shutterstock

บล.กสิกรไทย ชี้ปีหน้าไทยมีการเลือกตั้งภายในวันที่ 24 ก.พ.- 5 พ.ค. 2562 แน่

ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (บล.กสิกรไทย) บอกว่า กลางเดือนธ.ค. นี้คาดว่าภาครัฐน่าจะประกาศวันเลือกตั้งไทยครั้งใหม่ได้ชัดเจน ซึ่งเราคาดว่าวันเลือกตั้งจะอยู่ในระหว่าง 24 ก.พ. ถึง 5 พ.ค. 2562 นี้ เพราะจากที่สำรวจความคิดเห็นมาคาดว่ารัฐบาลน่าจะให้พรรคต่างๆ สามารถหาเสียงได้ 70 วัน ทำให้เรามองว่าการเลือกตั้งอาจจะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. 2562

ซึ่งการเลือกตั้งในปีหน้านี้ เรียกว่าจะออกมาในรูปแบบรัฐบาลผสม เพราะปี 2562 นี้มีการประกาศจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ 52 ล้านคน (จากสถิติในอดีตจะมีคนใช้สิทธิเลือกตั้ง 70% หรือคิดเป็นประมาณ 35 ล้านคน) ซึ่งเราคาดว่าจะไม่มีพรรคไหนได้เสียงเลือกตั้ง 200 คน เลยกลายเป้นรัฐบาลผสมที่ทำให้พรรคต่างๆมีโอกาสเป็นแกนนำได้

“การเป็นรัฐบาลผสม เราเลยเชื่อว่านโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันจะได้รับการสานต่อสู่รัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะเรามี พรบ. (พระราชบัญญัติ) ยุทธศาสตร์ชาติ ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน EEC (โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก) SEC (แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้) จะมีความต่อเนื่อง”

ภาพจาก Shutterstock

เลือกตั้งมา ลงทุนต่างชาติไหลเข้า เศรษฐกิจไทย-หุ้นขึ้น เล็งดัชนีสิ้นปี 1,805 จุด

ประกิต บอกว่า พอมีข่าวดีการเลือกตั้งไทยจะเกิดขึ้นเรียกว่าสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งรวมถึงกองทุนระดับโลก น่าจะไหลกลับมาลงทุนในไทยมากขึ้น เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจ และภาพรวมของไทยที่ดูแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Markets) จนช่วงสิ้นปีคาดว่าดัชนี SET จะอยู่ที่ 1,805 จุด

  • เมื่อเกิดการเลือกตั้ง คาดว่าภาครัฐจะมีการออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย เช่น การสนับสนุนรายได้ ค่าครองชีพ หรือ การจะมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ฯลฯ อย่างล่าสุดคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาตรการลดภาษีให้คนมีรายได้น้อย
  • ภาพรวมและตัวเลขของเศรษฐกิจไทย ทั้งดุลบัญีเดินสะพัด เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เงินเฟ้อ อัตราหนี้สกุลเงินต่างประเทศถือว่าดูดีกว่า Emerging Markets ที่มีปัญหาในระยะนี้ เช่น ตุรกี ฟิลลิปปินส์ อาร์เจนตินา บราซิล ฯลฯ
ภาพจาก Shutterstock

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องจับตามองในเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การฟื้นตัวจากภายในประเทศโดยเฉพาะรายได้ของภาคเกษตรที่ยังไม่ดีนัก เพราะราคาสินค้าเกษตรยังอยูในระดับต่ำ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการบริโภคของไทยยังไม่สูงขึ้นชัดเจน

สงครามการค้า (Trade War) ที่เรามองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก เพราะมองว่าจีนจะยอมเจรจากับสหรัฐในช่วงหลังการเลือกตั้ง Mid term ของสหรัฐฯ ในวันที่ 6 พ.ย. ถึงสิ้นเดือนธ.ค. 2561 ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะสามารถเจรจากันได้ด้วยดี เนื่องจากสิ้นปีกำแพงภาษีของทั้งจีนและสหรัฐฯ ยังอยู่ที่ 10% ถือว่ายังอ่อนข้อให้กันและพร้อมเจรจาปรับท่าทีได้ แต่ถ้าการเจรจายืดเยื้อไปถึงหลังปีใหม่ (2562) ภาษีที่สหรัฐคิดกับจีนจะขยับขึ้นเป็น 25% จะทำให้การเจรจายากขึ้น

บล.กสิกรไทย ยังคาดการณ์ว่า GDP ไทยปี 2561 จะอยู่ที่ 4.5% และปี 2562 อยู่ที่ 4.2% เพราะปีนี้มีการเติบโตจากหลายส่วน แต่ปีหน้าอาจมีปัญหาเรื่องการส่งออก ต้องรอดูผลกระทบจากเรื่อง Trade war ก่อน

สรุป

จากความมั่นคงในสายตาของทั่วโลกกว่า 4 ปี ล่าสุดไทยเราจะมีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในช่วง 24 ก.พ. -5 พ.ค. 2562 นี้แล้ว แค่มีข่าวก็ส่งผลดีให้สัปดาห์ที่ผ่านมา (17-21 ก.ย. 2561) หุ้นไทยบวกขึ้นมาเกือบร้อยจุด ส่วนหนึ่งเพราะเงินต่างชาติเริ่มไหลกลับมา และยังมีภาพว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้น เพราะรัฐบาลจะออกมาตรการมากระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งหลังเลือกตั้งบล.กสิกรไทยมองว่านโยบายของรัฐบาลจะมีความต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของไทย ฯลฯ เราคงต้องติดตามกันว่าจะเป็นอย่างไร?

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา