Made in Thailand ยังขายได้ หลัง Altron ใช้จุดนี้ปั้นยอดขายโทรทัศน์ชนต่างชาติ พร้อมเข้าตลาด CLMV

เมื่อก่อน Made in Thailand คือสินค้าคุณภาพ พอตอนนี้กลับไม่มีโลคอลแบรนด์ไหนกล้าชูจุดนี้ แต่ยังมีโทรทัศน์แบรนด์ไทยอย่าง Altron ที่กล้าพูดว่าทำในประเทศไทยอย่างเต็มปาก และพร้อมชนกับอินเทอร์แบรนด์ทุกราย

โทรทัศน์ Indigo Series ของ Altron

ผลิตเอง – ทำตลาดเอง – ไทยใช้เอง

ตอนนี้ Altron ถือเป็นแบรนด์โทรทัศน์หน้าใหม่ในประเทศไทย เพราะเพิ่งเกิดมาเพียง 1 ปีเศษเท่านั้น แต่ถ้าดูชื่อผู้ผลิตดีๆ จะพบว่า บริษัทนี้ไม่ได้เพิ่งเกิด เพราะ บริษัท ไทย ฮาเบล อินดัสเตรียล จำกัด คือโรงงานรับผลิตโทรทัศน์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2530 เคยรับงานให้กับ ธานินทร์ แบรนด์เก่าแก่ของไทย และเฮาส์แบรนด์ของห้างสรรพสินค้าต่างๆ ด้วย ทำให้ผู้ผลิตรายนี้รู้เรื่องตลาดโทรทัศน์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี แต่เมื่อปี 2557 โรงงานของบริษัทเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ และตัวแปรนี้เองทำให้บริษัทตัดสินใจขึ้นลุกขึ้นมาสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อต่อยอดธุรกิจอีกทาง

นรินทร์เดช ทวีแสงพาณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ฮาเบล อินดัสเตรียล จำกัด ผู้ผลิตโทรทัศน์ Altron เล่าให้ฟังว่า จากวิกฤติดังกล่าว ทำให้บริษัทไม่สามารถอยู่เฉยๆ และรับงานผลิตอย่างเดียวได้ ต้องมีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นมา จึงตัดสินใจขึ้นไลน์ผลิตโทรทัศน์แบรนด์ตัวเอง โดยใช้ประสบการณ์ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยมาช่วยออกแบบให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของชาวไทยให้มากที่สุด ที่สำคัญยังเลือกใช้กลยุทธ์ Made in Thailand ผ่านการแสดงข้อความชัดเจนว่าเป็นแบรนด์ไทย เพื่อทำตลาดอีกด้วย

นรินทร์เดช ทวีแสงพาณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ฮาเบล อินดัสเตรียล จำกัด ผู้ผลิตโทรทัศน์ Altron

“Made in Thailand ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเป็นภาษาไทย บริษัทจึงเลือกใช้คำว่า Ultra มาตั้งชื่อแบรนด์ แต่พอไปจดทะเบียนจริงๆ มันทำไม่ได้ เพราะมันเป็นคำมีความหมาย จึงเปลี่ยนเป็น Altron แทน ที่สำคัญเราเลือกที่จะทำออกมาเพื่อให้คนไทยได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพทัดเทียมกับแบรนด์ต่างชาติ ในราคาที่เอื้อมถึง ผ่านการที่เรามีโรงงานของตัวเอง จึงทำราคาได้ต่ำกว่า 15-20% เมื่อเทียบสเปกเดียวกันกับอินเทอร์แบรนด์ นอกจากนี้การเลือกใช้ชื่ออังกฤษยังทำให้บริษัทขยายตลาดออกไปต่างประเทศได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะใน CLMV ที่ยังมองว่าสินค้าไทยคือสินค้าดี”

ขอเวลา 3 ปี ก่อนปูพรมตลาด CLMV

หลังจากแบรนด์ Altron ทำตลาดมาปีเศษ ก็สามารถปูพรมจุดจำหน่ายได้กว่า 500 แห่งทั่วประเทศ อยู่ในโมเดิร์นเทรดเกือบครบทุกแห่ง รวมถึงร้านค้ารายย่อยในต่างจังหวัดอีกด้วย เพราะบริษัทต้องการเจาะตลาดผู้ใช้ระดับ C+ ลงไปถึง D ที่อาจมีกำลังทรัพย์น้อย แต่ต้องการโทรทัศน์คุณภาพสักเครื่อง ผ่านสินค้านับ 10 รุ่น ราคา 4,000 – 16,000 บาท ขนาด 24 – 50 นิ้ว รวมถึงมีรุ่นจอโค้ง และ SmartTV ด้วย โดยปีนี้จะมีอีก 5 รุ่นเพิ่มเข้ามา จนทำให้ปีนี้น่าจะมียอดขาย 80,000 เครื่อง รวมรายได้กว่า 400 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2559 ที่ทำได้ 320 ล้านบาท

แคมเปญการตลาดร่วมกับ Doonee บริการรับชมภาพยนตร์ออนไลน์

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ภายใน 3 ปีข้างหน้าเพื่อสร้างยอดขาย แต่ที่ไม่ไปตอนนี้ เพราะต้องการสร้างความแข็งแกร่งในไทยก่อน โดยเฉพาะเรื่องส่วนแบ่งในตลาดโทรทัศน์ที่ต้องมีอย่างน้อย 5% จากปี 2559 มีส่วนแบ่งราว 1% จากมูลค่าตลาดโทรทัศน์ 31,000 ล้านบาท โดยกลยุทธ์ในการเพิ่มส่วนแบ่งคือการหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เช่นร่วมทรูวิชั่นส์เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อโทรทัศน์ พร้อมกล่องทรูแบบขายขาดในราคาพิเศษ รวมถึงการติดตั้ง Doonee บริการรับชมภาพยนตร์ออนไลน์ใน SmartTV ให้ผู้ซื้อชมฟรี 90 วันด้วย

เศรษฐกิจหด ทำตลาดทีวีซบ

สำหรับภาพรวมตลาดโทรทัศน์ในปีนี้ยังมองว่าค่อนข้างนิ่ง เพราะภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ดังนั้นอินเทอร์แบรนด์กว่า 20 ราย รวมถึงโลคอลแบรนด์อีกเล็กน้อย น่าจะต้องหานวัตกรรมใหม่ หรือแคมเปญที่มากกว่าการลดราคามาช่วยกระตุ้นผู้บริโภคให้จับจ่าย เพราะการแข่งขันด้วยราคาเพียงอย่างเดียวโอกาสที่ทุกแบรนด์ท้องถิ่ง และแบรนด์ญี่ปุ่น – เกาหลี จะแพ้แบรนด์จีนที่ชูเรื่องราคามาแข่งก็เป็นไปได้สูง ส่วนภาพของธุรกิจรับผลิตโทรทัศน์ของบริษัทก็เริ่มให้ความสำคัญลดลง โดยปีนี้คาดว่าถ้ารวม 2 ธุรกิจเข้าด้วยกันจะมีรายได้ 500 ล้านบาท

สรุป

แบรนด์ไทยยังไม่ตาย คำนี้คงใช้ได้กับ Altron ที่กล้าคิด และกล้าแตกต่าง เพื่อสร้างพื้นที่ให้กับผู้ผลิตไทยยังอยู่ได้ ซึ่งตอนนี้ก็เห็นว่าเริ่มมีแบรนด์ไทยบางแบรนด์หันมาบอกว่าตัวเองเป็นคนไทย จากแต่ก่อนที่บอกว่าตัวเองเป็นญี่ปุ่นบ้างแล้ว ดังนั้นคงต้องรอชมกันต่อไป ว่าตลาดโทรทัศน์จะมีช่องว่างให้ผู้ผลิตชาวไทยเข้าไปได้ขนาดไหน แล้วการทุ่มราคาของแบรนด์จีนจะหายไปได้เมื่อไหร่ รวมถึงแบรนด์ญี่ปุ่น กับเกาหลีจะเข้ามาอีกหรือไม่ ต้องติดตามกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา