พลิกวิกฤตหุ้นไทยขาลง “ทิสโก้” แนะเก็บหุ้นต้น ก.ค. ปล่อยขาย Q1 ปี 62

เมื่อหุ้นไทยตกวูบจากช่วงต้นปีที่ 1,800 จุด มาอยู่ที่ 1,585 จุด ทำให้นักลงทุนหวั่นไหวไปทั่ว แต่สาเหตุเพราะอะไร สถานการณ์ปีนี้ ปีหน้าจะเป็นอย่างไร นักลงทุนอย่างเราต้องวางแผนลงทุนแบบไหนดี

ภาพจาก shutterstock

ตลาดหุ้นไทยผันผวนจากเงินนอกไหลออก ครึ่งปีหลังเงินย้ายออกต่อเนื่อง 9 หมื่นล้านบาท

วิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ บอกว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆในภูมิภาค สาเหตุเพราะนักลงทุนต่างชาติย้ายเงินทุนกลับไปประเทศที่มีสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น สหรัฐฯ ฯลฯ

ทำไมนักลงทุนมองว่า สหรัฐฯเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลักๆมาจากนักลงทุนมองทิศทางที่ดีว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีหลัง FED ประกาศว่าจะลงขยับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง รวมทั้งปีนี้ 4 ครั้ง ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอาจจะเทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยของไทยซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติสนใจและกลับไปลงทุนอีกครั้ง 

ภาพจาก shutterstock

นอกจากนี้ยังมีปัญหาความความรุนแรงของสงครามการค้า (Trade War) ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้นักลงทุนต่างชาติมองว่า ประเทศในภูมิภาคที่เป็นซัพพลายเชนของจีนอาจะได้รับผลกระทบ

ในส่วนของไทยตั้งแต่ม.ค.-มิ.ย. 2561 นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยกว่า 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งทางบล.ทิสโก้คาดการณ์ต่อได้ว่า ครึ่งปีหลังนี้หากต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยก็น่าจะไม่เกิน 9 หมื่นล้านบาท ถือว่าลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ส่วนเดือนมิ.ย. 2561 นี้ อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของไทยปรับลงมาอยู่ที่ 14 เท่า ดัชนีที่ 1,585 จุด ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต

“เดือนก.ค. 2561 นี้ถ้าพิจารณาตามปัจจัยทางเทคนิคประเมิน ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสดีดตัวขึ้น มาแตะแนวต้านที่ 1,650 -1,670 จุดได้ แต่หลังจากนั้นจะปรับตัวลงสู่แนวรับที่ 1,540-1,580 จุดอีกครั้ง ตามสถานการณ์ตลาดทั่วโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง”

ภาพจาก shutterstock

สิ้นปีนี้ปัจจัยบวกยังมี ต้องเลือกหุ้นให้เป็น ออกหุ้นให้ทัน  

วิวัฒน์ บอกว่า ปีนี้ประเทศไทยมีปัจจัยบวก คือ ในช่วงเดือนก.ย. 2561 คาดว่ารัฐบาลจะประกาศวันเลือกตั้ง และจะส่งผลดีให้เดือนก.ย.-ธ.ค. 2561 ตลาดหุ้นไทยจะขยับตัวอยู่ในกรอบที่สูงขึ้นหรือระดับ 1,750-1,800 จุด ถือว่าใกล้เคียงกับตอนต้นปี 2561 นี้ แต่ก็เท่ากับว่าอัตราผลตอบแทนโดยรวมจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปีนี้จะอยู่ที่ระดับประมาณ 0% เช่นกัน

ส่วนคนที่สนใจลงทุน ช่วงต้นเดือนก.ค. นี้ ถือเป็นจังหวะที่หุ้นปรับตัวลดลง สามารถทยอยเข้าซื้อเพื่อสะสม และถือต่อเนื่องเพื่อรอขายในช่วง ไตรมาส 1 ปี 2562 ส่วนหุ้นเด่นที่มองว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2561 จะออกมาดี และมีปันผลระหว่างกาล คือ 

  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN
  • บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH
  • บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL
  • ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP
  • บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
  • บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC

ภาพจาก shutterstock

มองต่อถึงปี 2562 ความเสี่ยงสูงกว่าปีนี้ ผลตอบแทนในหุ้นไทยติดลบ 14% 

ทิศทางตลาดหุ้นทั้งไทยและตลาดโลกในปี 2562 มีปัจจัยลบจากทั่วโลก ได้แก่ สภาพคล่องระบบที่ลดลงเป็นระดับติดลบ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เกิดขึ้นเพราะธนาคารกลางทั่วโลกดำเนินนโยบายทางการเงินเข้มงวดขึ้น เช่น ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แม้จะมีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ แต่ไม่เพียงพอต่อสภาพคล่องที่ FED และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ดึงออกจากระบบ ส่งผลให้สภาพคล่องทั่วโลกติดลบ

และที่สำคัญ จากที่นักวิเคราะห์หลายคนประเมินว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2562 ซึ่งยิ่งจะสนับสนุนให้เงินไหลกลับไปลงทุนสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯต่อจากปีนี้ ในขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เริ่มทรงตัวในระดับต่ำที่ประมาณ 3.0% ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นสูงกว่าพันธบัตรระยะยาว (Invert)

หากเกิดสถานการณ์นั้นขึ้น จะกลายเป็นสัญญาณว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ตลาดหุ้นทั่วโลกเข้าสู่ขาลง ส่วนของไทยทางทิสโก้จึงคาดว่าปี 2562 หุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนติดลบ 14% โดยดัชนีสูงสุดของปีจะอยู่ที่ 1,800 จุด และดัชนีต่ำสุดที่ประมาณ 1,450 จุด

 

สรุป

ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากต่างชาติที่เทขายหุ้นตั้งแต่ม.ค.-มิ.ย. 2561 ที่ 1.8 แสนล้านบาท ทำให้ตลาดหุ้นไทยตกลงมาอยู่ที่ 1,585 จุด แต่ระหว่างปีคาดว่าหุ้นจะขยับขึ้นในช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค.เพราะมีข่าวดีเรื่องเลือกตั้ง เลยแนะนำนักลงทุนซื้อหุ้นเดือนก.ค. และไปขายไตรมาส 1 ปี 2562 เพราะหลังจากนั้นหุ้นไทยจะเป็นขาลงเพราะความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา