หลายคนคงเห็นกระแส Startup ในประเทศไทยบูม และมองว่าน่าจะตื่นเต้นมาในช่วงนี้ แต่จริงๆ แล้วถ้าเทียบกับประเทศชั้นนำ ไทยยังห่างอยู่หลายขุม เช่นสิงคโปร์ และฮ่องกงเราก็ตามหลังเขาอยู่ถึง 5 ปี
ตามหลังคือแย่ หากอยาก Go Digital
ตามที่รัฐบาลต้องการเดินหน้านโยบาย Thailand 4.0 ผ่านการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ แต่เมื่อประเทศไทยยังตามหลังประเทศชั้นนำในเรื่องเหล่านี้อยู่มาก ไม่ต้องนับไปไกล แต่เพื่อนบ้านใหญ่ๆ อย่างสิงคโปร์ไทยก็ตามหลังถึง 5 ปี และจุดที่ทำให้ประเทศไทยตามหลังก็คือ Startup
ชาล เจริญพันธ์ Head of Accelerator บริษัท ดิจิทัล เววนเจอร์ส จำกัด หรือ DV เล่าให้ฟังว่า ไทยมีประชากร 70 ล้านคน แต่มี Startup เพียง 600 ราย หรือหนึ่งในแสนคน แถมจำนวน Venture Capital ก็มีแค่ 12 ราย และ Accelerator ที่เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเติบโตก็มีแค่ 7 ราย ทำให้ Startup ในประเทศไทยก็เกิดค่อนข้างยาก
“จะไป 4.0 ได้ Digital Disruption ต้องเกิด และผู้ประกอบการที่เป็น Startup ต้องแข็งแกร่งทั้งแนวคิด และทักษะในการทำธุรกิจ รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างนักลงทุน กับข้อกฎหมาย มิฉะนั้นมันก็เกิดได้ยาก ถ้าเทียบกับอิสราเอลที่เป็นประเทศเล็ก มีประชากรแค่ 8.7 ล้านคน แต่มี Startup กว่า 4,300 ราย แถมเกือบทั้งหมดทำบริการ B2B เพื่อส่งไปนอกประเทศ”
ถ้าสนับสนุนเต็มที่ 10 ปีน่าจะตามทัน
ไม่ใช่แค่ Accelerator หรือ Venture Capital ต้องมากขึ้น หากต้องการขับเคลื่อนประเทศด้วยดิจิทัล แต่เรื่องนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะภาคการศึกษา ที่ต้องสร้างคนมารองรับเรื่องนี้ก็จำเป็น และถ้าเอกชน กับภาครัฐจับมือกันเสริมสร้างเรื่องดังกล่าวเต็มที่ โอกาสที่ไทยจะตามทันสิงคโปร์ในเรื่องการขับเคลื่อนประเทศด้วยดิจิทัลภายใน 10 ปีก็มีสูง
สำหรับ DV เอง ปีนี้เตรียมจัดโครงการ Accelerator เป็นปีที่ 2 เริ่มต้นในเดือนต.ค. โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึง 15 ก.ค. เพื่อคัดเลือกมากที่สุด 10 ทีมเข้าโครงการ เน้นไปที่ Startup ที่มี Product หรือเริ่มมี Traction บ้างแล้ว รวมถึงลักษณะธุรกิจที่เชื่อมต่อกับธนาคารไทยพาณิชย์ได้
ไม่เน้น Fintech เปิดกว้างทุกอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม โครงการ Accelerator ดังกล่าวไม่ได้เจาะจงไปที่กลุ่ม Fintech เพียงอย่างเดียว แต่เปิดกว้างทุกอุตสาหกรรม คล้ายกับปีแรกที่มีทั้งบริการเรียกช่างอย่าง Seeksters และ OneStockHome ที่จำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้าง ซึ่งทั้งคู่สามารถเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่ตัวโครงการรวบรวมมาเพื่อต่อยอดธุรกิจให้กับ Startup
สรุป
Startup ในตอนนี้จะเรียกว่ามีบางกลุ่มคิดว่าทำตามแฟชั่น เพราะอุตสาหกรรมนี้มีเงินจำนวนมากรออยู่ แต่จริงๆ แล้วสุดท้ายจะเหลือคนที่อยู่รอด และจริงจังกับตัวธุรกิจเพียงไม่กี่ราย ซึ่งการเพิ่มจำนวน Venture Capital และ Accelerator ก็จำเป็นที่ช่วยให้ Startup กลุ่มที่จริงจังกับธุรกิจสามารถเจริญเติบโตได้ง่ายกว่าเดิม ผ่านการอัดฉีดเงิน และ Scale ธุรกิจขึ้นไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา