สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ สมาคมสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดตัวโครงการ Star Market (starmarket.in.th) เป็นอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มสำหรับจำหน่ายสินค้าจาก SME ทั่วประเทศ
ดร.อุดมธิปก ไพรเกษตร รองประธานสมาคมสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ระบุว่าปัญหาของ SME ไทยต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มหรือช่องทางของผู้ให้บริการต่างชาติ เช่น Facebook หรือ LINE จึงเป็นแนวคิดของการสร้างเว็บไซต์ Star Market ขึ้นมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ประกอบการไทย
เว็บไซต์ Star Market ไม่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เพราะมีผู้ประกอบการไทยทำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับขายของอยู่แล้วคือ lnwshop จึงเป็นการนำระบบของ lnwshop มาปรับแต่งให้เหมาะสมกับ SME และสนับสนุนด้านการโปรโมท การให้ความรู้กับผู้ขายเป็นหลัก พ่วงด้วยบริการจัดส่งถึงบ้าน
นอกจากตัวแพลตฟอร์มแล้ว ผู้ประกอบการที่เข้าร่วม Star Market ยังจะได้รับบริการถ่ายภาพสินค้าฟรี และช่วยทำเนื้อหาโปรโมทสินค้าจำนวน 3 รายการต่อร้านค้า มีบริการที่ปรึกษาออนไลน์ให้คำแนะนำเรื่องการขายสินค้าด้วย
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ระบุว่าต้องการเพิ่มช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการ โดยมีสมาคมสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เป็นหน่วยร่วมดำเนินสร้างแพลตฟอร์ม Star Market ในฐานะห้างสรรพสินค้าออนไลน์
ที่มาของโครงการ Star Market มาจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการพัฒนา SME หรือแผน MSME 2020 และอนุมัติการใช้เงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหนึ่งในมาตรการคือการพัฒนาช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการ
ในเบื้องต้นมีผู้ประกอบการชุดแรกเข้าร่วมขายสินค้าบน Star Market จำนวน 280 ราย แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่คือ
- อาหารวัตถุดิบและอาหารแปรรูป เช่น อาหาร ขนม อาหารทานเล่น วัตถุดิบ เครื่องปรุง ผัก ผลไม้ เครื่องดื่ม
- ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น สปา สมุนไพร
- สินค้าตกแต่งบ้านและของใช้ เช่น อุปกรณ์ตกแต่ง ภาชนะใช้ภายในบ้าน ห้องอาหาร ห้องครัว
- กลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ
ร้านค้าที่จะเข้าร่วม Star Market ต้องเป็นสมาชิกของ สสว. และผ่านเกณฑ์การคัดเลือกของ สสว. เช่น สินค้าต้องได้รับรองมาตรฐานจากหน่วยงานรัฐ หรือได้รางวัลจากหน่วยงานต่างๆ, เป็นสินค้ามีชื่อเสียงติด Top 3 ของจังหวัด, ผลิตจากวัตถุดิบท้องถิ่น, สินค้า GI ของท้องถิ่น
เนื่องจาก Star Market ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นช่องทางการขายของ SME ไทย จึงรองรับการเชื่อมบัญชีร้านค้าระหว่าง Star Market กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมอย่าง Lazada และ Shopee โดยอัพเดตข้อมูลสินค้า สต๊อก คำสั่งซื้อสินค้าได้อัตโนมัติด้วย
จากการสำรวจข้อมูลของ Brand Inside พบว่าการที่ Star Market ใช้งานแพลตฟอร์มของ lnwshop ที่ใช้งานอย่างแพร่หลายโดยผู้ประกอบการ SME ในไทยอยู่แล้ว จึงสามารถใช้ระบบบัญชีผู้ใช้งานของ lnwshop ได้ทันที (นอกจากนี้ยังรองรับการล็อกอินผ่าน Facebook, LINE, Google, Apple) และรองรับระบบจ่ายเงินทั้งหมดของ lnwshop ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต โอนเงินธนาคาร การจ่ายเงินผ่าน Counter Service และระบบจ่ายเงินออนไลน์อย่าง Rabbit LINE Pay, AirPay, mPay อีกด้วย
ดร.อุดมธิปก ระบุว่าโครงการอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่จะเน้นการสร้างแพลตฟอร์ม แต่โครงการนี้กลับกัน เพราะงบส่วนใหญ่ใช้ไปกับการโปรโมทเพื่อช่วยหาลูกค้า และการเทรนนิ่งหรือสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยที่ยังไม่คุ้นกับระบบออนไลน์ เช่น โปรโมทไม่เป็น ออกโค้ดส่วนลดไม่เป็น ถ่ายรูปไม่เป็น จึงใช้วิธีพาร์ทเนอร์กับ lnwshop ที่มีแพลตฟอร์มอยู่แล้ว เพื่อลดต้นทุนค่าดำเนินการแพลตฟอร์มให้ถูกลง และเอางบประมาณจาก สสว. มาใช้ให้ถูกจุดมากกว่าจะเอามาทุ่มสร้างแพลตฟอร์มใหม่
ดร.อุดมธิปก บอกว่าผู้ประกอบการชุดแรกมีหลายระดับ กลุ่มที่เก่งออนไลน์มากๆ แล้วไม่ต้องทำอะไรมาก ช่วยงบโปรโมทอย่างเดียว และคัดเลือกมาเข้าโครงการในจำนวนไม่เยอะนัก แต่หันมาเน้นกลุ่มที่ไม่เคยทำออนไลน์เลย ต้องจับมือสอนทำทุกอย่างมากกว่า และทางสมาคมกำลังทดลองโมเดล “อีเทรดเดอร์” (e-trader) ที่เป็นตัวแทนขายสินค้าออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการที่ทำออนไลน์ไม่เป็นจริงๆ การหาตัวแทนที่ทำเป็นมาทำให้แทน อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ SME ไทยเข้าสู่ออนไลน์ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวแทนผู้ประกอบการ SME ที่มาลองขายบน Star Market บอกว่าทุกวันนี้ก็ลองขายบนแพลตฟอร์มอื่นๆ อยู่แล้ว ปัญหาคือทุกแพลตฟอร์มมีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าบูสโฆษณาบน Facebook หรือส่วนแบ่ง GP ของอีคอมเมิร์ซ แต่บน Star Market คือไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และมีพี่เลี้ยงคอยเข้ามาช่วยสอนงาน คอยติดตามผลงาน มีการสนับสนุนงบประมาณเป็นโค้ดหรือคูปองลดราคาเพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา