ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจหลายๆ ประเภท โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากในช่วงนี้การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้เลย
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2561 พบว่า สถานประกอบการประเภทโรงแรมในไทยมีทั้งหมด 24,391 แห่ง ด้วยจำนวนห้องพักรวมทั้งหมดกว่า 721,521 ห้องทั่วประเทศ โดยในแต่ละปีมีแขกที่เข้าพักในโรงแรมเหล่านี้ถึง 158.5 ล้านคน แบ่งเป็นชาวไทย 88.6 ล้านคน และนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกกว่า 69.9 ล้านคน
แน่นอนว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ย่อมส่งผลต่อปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะแน่นอนว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคแบบนี้ คงไม่มีใครอยากเดินทางเหมือนช่วงเวลาปกติ
จากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพียง 2,061,990 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าลดลงกว่า 42.78% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลงมาก ภาระหนักจึงตกอยู่ที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมต่างๆ ที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีแขกเข้าพักเลย ทำให้ในช่วงเดือนที่ผ่านมาโรงแรมหลายแห่งตัดสินใจปิดกิจการชั่วคราวเพื่อลดค่าใช้จ่าย หรือหันมาขายอาหารสำเร็จรูปโดยเน้นอาหารคุณภาพระดับโรงแรม รสชาติอร่อย ในราคาไม่แพง เพื่อใช้เป็นช่องทางในการหารายได้และช่วยลดค่าใช้จ่ายของโรงแรม โดยเฉพาะค่าจ้างพนักงาน ซึ่งปกติแล้วโรงแรมแต่ละแห่งจำเป็นต้องมีพนักงานจำนวนมาก เพื่อคอยให้บริการแขกที่เข้าพัก
เปลี่ยนโรงแรมให้เช่ารายเดือนได้ หนึ่งในกลวิธีสู้โควิด-19
นอกเหนือจากการปรับตัวโดยการปิดกิจการชั่วคราว เปลี่ยนไปขายอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานแล้ว ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โรงแรมหลายๆ แห่งในกรุงเทพมหานครเริ่มปรับตัว โดยการเปลี่ยนโรงแรมจากเดิมที่เคยอาศัยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างคืนเท่านั้น ให้กลายเป็นที่พักให้เช่ารายเดือนเพื่อหารายได้เข้าโรงแรมในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยว
(โรงแรม One Thirty Hotel ซอยลาดพร้าว 130 เปิดให้บริการที่พักรายเดือนในราคาเริ่มต้นเพียง 5,999 บาท สำหรับห้องพักขนาด 30 ตารางเมตร)
(โรงแรม Klub Hotel ถนนเพชรบุรี 13 เปิดให้บริการที่พักรายเดือนในราคา 6,500 บาท)
(โรงแรม Metro Point ซอยลาดพร้าว 130 เปิดให้บริการที่พักรายเดือนในราคา 5,900 บาท สำหรับห้องพักขนาด 28 ตารางเมตร)
โรงแรมส่วนใหญ่ที่เปิดให้บริการเช่าที่พักแบบรายเดือน แทนการอาศัยแขกที่เข้ามาพักเป็นรายวันนี้ ส่วนใหญ่จะใช้จุดเด่นซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของโรงแรมมาเป็นจุดขายให้ผู้ที่สนใจหาที่พักแบบรายเดือน เช่น ทำเลที่มีความสะดวก อยู่ในเมือง มีตัวเลือกให้ผู้เช่าใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้หลากหลาย อยู่ใกล้กับอาคารสำนักงาน มีอาคารจอดรถพร้อมรองรับผู้เช่าจำนวนมากในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีบริการของทางโรงแรมที่ปกติเคยให้บริการแขกที่เข้าพักอยู่แล้ว แต่สามารถนำมาใช้เป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าการเช่าคอนโดมิเนียม หรืออพาร์ทเม้น คือ บริการทำความสะอาดภายในห้องพัก เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นประจำ บริการซักรีดเสื้อผ้า และบริการอาหารถึงห้องพัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบริการเหล่านี้คอนโดมิเนียมที่ให้เช่าไม่มี
ส่วนในมุมของคนที่กำลังมองหาที่พัก ซึ่งอาจกำลังพิจารณาเช่าคอนโดมิเนียมอาจมีการเปลี่ยนใจมาเลือกเช่าโรงแรมรายเดือนแทน เพราะมีบริการที่ครบคันกว่า ในราคาที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงในราคาที่จ่ายไปยังรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไปแล้ว เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าสัญญาณอินเตอร์เน็ต ค่าส่วนกลาง โดยที่ผู้เช่าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มแต่อย่างใด
ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากค่าเช่าที่เป็นจุดหนึ่งที่ควรพิจารณาเท่านั้น แต่การเช่าอพาร์ทเม้น หรือคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัย อาจจำเป็นต้องมีการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติม แต่การเช่าโรงแรมเป็นรายเดือน ผู้เช่าไม่จำเป้นต้องซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยตัวเอง เพราะโดยปกติแล้ว โรงแรมจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐานอยู่ในห้องอยู่แล้ว เช่น ทีวี ตู้เย็น ไดร์เป่าผม และกาต้มน้ำร้อน
ที่มา – สำนักงานสถิติแห่งชาติ, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา