รู้จัก 6 แบรนด์แฟชันไทย โตจากศูนย์ไปเป็นล้านได้ยังไง ขายไปเกินแสนตัว อยู่ได้เกิน 10 ปี

ไม่ใช่แค่สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางเท่านั้นที่ ‘แบรนด์ไทย’ กำลังผงาดขึ้นมาท่ามกลางการแข่งขัน แต่ ‘แบรนด์แฟชันไทย’ ก็กลับมาได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกระแสขายหมดในไม่กี่วินาที หรือสะพายกันทั่วบ้านทั่วเมือง

ท่ามกลางความนิยมนี้หลายคนอาจจินตนาการไม่ออกว่ากว่าจะเดินทางมาถึงความสำเร็จ แบรนด์ไทยเหล่านี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง วันนี้ Brand Inside เลยอยากพาทุกคนไปดูจุดเริ่มต้นและเส้นทางของ 6 แบรนด์ไทย ที่บางแบรนด์แม้จะมีอายุเกิน 10 ปีแล้ว แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ในวงการแฟชันได้จนวันนี้

Nipperisthebest กางเกงยีนส์ที่   best seller ตลอดกาลยอดทะลุเกินแสนตัว

ใครที่เป็น ‘สายกางเกงยีนส์’ ก็ต้องเคยเห็น nipperisdabest แบรนด์กางเกงยีนส์ไทยที่มีอายุกว่า 9 ปีผ่านตาสักครั้ง แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าก่อนที่ ‘ฝ้าย-ณัฐณิชา รจนาสม’ เจ้าของแบรนด์ nipperisdabest จะมาเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้ายอดขายเกือบ 8 หลักต่อปีนั้น เธอเคยทำมาแล้วทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น เด็กเสิร์ฟ พนักงานโรงแรม หรือติวเตอร์

แต่ชีวิตแม่ค้าของเธอมาเริ่มต้นก็ตอนปี 3 ที่มาเห็นเพื่อนขายเสื้อผ้าทางออนไลน์

โดย ‘ฝ้าย’ ตัดสินใจเปิดร้านพรีออเดอร์ขายหลายอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋า เพราะไม่ต้องอาศัยเงินลงทุน แต่อาศัยแรงสนับสนุนจากเพื่อนเป็นอินฟลูเอนเซอร์ช่วยรีวิวสินค้าให้ ตอนนั้นฝ้ายจึงขายได้และมีกำไร จนตัดสินใจว่าจะทำสิ่งนี้อย่างจริงจัง

ในบรรดาสินค้าที่ ‘ฝ้าย’ เปิดพรีออเดอร์ทั้งหมด สิ่งที่ลูกค้าถามหามากที่สุดคือ ‘กางเกงยีนส์’ ตอนนั้นจึงหารูปกางเกงยีนส์หลายๆ แบบมาลงขายมากขึ้นและได้รับการตอบรับดีมาก แต่ถึงพรีออเดอร์จะขายดีก็มีลูกค้าเริ่มถามหาสินค้าแบบพร้อมส่งเข้ามา ‘ฝ้าย’ เลยตัดสินใจเอากำไรที่มีอยู่ไปเดินประตูน้ำดูสักตั้ง

หลังจากเรียนจบ ‘ฝ้าย’ ที่ตอนนั้นขายกางเกงยีนส์มาเกิน 600 รูปแบบแล้วก็เริ่มอยากจะจริงจังกับ nipperisdabest มากขึ้น ตัดสินใจคุยกับโรงงาน หันมาผลิตและออกแบบเอง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญจากการขายกางเกงยีนส์มาหลายแบบ เลือกดีไซน์ที่ลูกค้าชอบและเรียกร้องมาบ่อยๆ มาผสมกันจนออกมาเป็นกางเกงยีนส์รุ่น signature ของแบรนด์

จุดเด่นของ nipperisdabest คือ “กางเกงยีนส์ที่ใส่ได้ทุกวัน” เพราะใส่ใจในดีเทล พลางเอว พลางสะโพก พลางหุ่น มาพร้อมกับซิปยาวรับสรีระ แบบที่ลูกค้าใส่แล้วต้องชอบแน่นอน

นอกจากนี้ แบรนด์ยังนำเสนอไซส์ที่หลากหลาย โดยใช้ ‘ขนาดเอว’ เป็นตัวกำหนด แทนการใช้ไซส์ S-XL ทั่วไป ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์กางเกงยีนส์ส่วนใหญ่ในยุคนั้น

กางเกงยีนส์รุ่นเก่งของ nipperisdabest จึงเป็นสินค้าขายดีที่สุดต่อเนื่องมานานเกิน 5 ปีแล้ว โดยขายได้เฉลี่ยเดือนละเกินพันตัว เรียกว่าจนถึงตอนนี้แบรนด์ขายกางเกงยีนส์ไปเกินแสนตัวแล้ว

ส่วนจุดเริ่มต้นของการมาขายสินค้าบน Shopee เกิดขึ้นเพราะลูกค้าของ nipperisdabest เรียกร้องมาตลอดและเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นประโยค “มีแอปส้มไหมคะ” หรือ “มาขายบน Shopee ได้ไหม” ก็หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ฝ้ายตัดสินใจเริ่มต้นเปิดร้านบน Shopee ในเดือนมีนาคม 2567

‘ฝ้าย’ เล่าว่า หลังเปิดร้านบน Shopee ด้วยกระแสที่ลูกค้าเรียกร้องมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นประโยค “มีแอปส้มไหมคะ” หรือ “มาขายบน Shopee ได้ไหม” จึงทำให้ยอดออเดอร์เข้าเยอะมาก โดยมีทั้งลูกค้าที่เก่ารออยู่นานแล้ว และลูกค้าใหม่ที่ได้เพิ่มมาจากแพลตฟอร์มด้วย

การไลฟ์ขายสินค้าขายพร้อมกันในหลายแพลตฟอร์มเองก็ทำให้แบรนด์เห็นว่าลูกค้าอยู่บน Shopee มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น จึงเลือกไลฟ์กระตุ้นยอดขายและเปิดการมองเห็นเป็นประจำ โดยในช่วงแคมเปญ nipperisdabest เคยสร้างยอดขายบน Shopee อย่างเดียวมากถึง 8 แสนบาทต่อเดือน

ตอนนี้แบรนด์เริ่มหันมาจับสินค้ากลุ่ม Top หรือช่วงบนอย่าง ‘เสื้อ’ มากขึ้น เพราะลูกค้าอยากให้ทำ ‘ฝ้าย’ จึงเลือกทำเสื้อที่ตรงกับจุดยืนเดิมของแบรนด์อย่าง “ใส่ได้ทุกวัน ไม่ต้องคิดมาก เบสิค แต่เก๋” ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ได้มากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ทำให้ปีที่แล้วยอดขายของ nipperisdabest แตะ 9 ล้านบาท โดยยอดขายกว่า 60% ของแบรนด์ก็มาจากลูกค้าบน Shopee

ฝ้ายผู้เป็นเจ้าของ nipperisdabest บอกว่าไม่ว่าอย่างไร “จะต้องจริงใจกับลูกค้า” ถ้ามั่นใจว่าลูกค้าใส่ไซส์นี้ไม่ได้ ใส่ไม่สบายก็จะยืนยันตามตรง เหมือนแบรนด์เป็นเพื่อนเป็นพี่ที่มีความจริงใจ

Fashion Store Official แบรนด์ไทยผู้เชี่ยวชาญเรื่อง ‘เซ็ตสูท’ ออกสินค้าครั้งเดียวขายได้ 10 ปี

ส่วนอีกแบรนด์ที่เรากำลังจะพูดถึงนั้นเรียกว่าเป็นแบรนด์ไทยผู้เชี่ยวชาญเรื่อง ‘เซ็ตสูท’ ใส่ได้บ่อยในราคาเข้าถึงง่าย ที่ออกสินค้าครั้งเดียวแล้วสามารถขายได้ต่อเนื่องมานานถึง 10 ปีอย่าง fashion_store_offcial นั่นเอง

‘ส้ม-สุธาสิณี หาญละคร’ CEO ของ fashion_store_offcial แบรนด์เสื้อผ้าแฟชันอายุ 12 ปีที่เก่งเรื่องชุดเซ็ตสูทและกางเกง เล่าถึงเส้นทางของตัวเองว่า ตัวเองเริ่มต้นทำเสื้อผ้าขายตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ทดลองขายมาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า กางเกง และเพราะไม่รู้ว่าจะขายอะไรเป็นหลักดีเลยเป็นเหตุให้ในเวลานั้นส้มเลือกใช้ชื่อแบรนด์ว่า ‘fashion_store_offcial’

จนกระทั่งชีวิตของส้มเข้าสู่เฟสใหม่อย่างการหางาน ทำให้ต้องใช้งาน ‘สูท’ เป็นครั้งแรก แล้วราคาของสูทแต่ละตัวล้วนแตะ 2,000-3,000 บาททั้งนั้น ส้มจึงขอให้แม่ช่วยตัดเย็บ ‘เสื้อสูท-กางเกงเข้าชุด’ กันให้ และนั่นกลายเป็นการตัดริบบิ้นให้ทุกคนได้รู้จักกับสินค้าที่ขายดีที่สุดของ fashion_store_offcial

“ตอนนั้นเราอยากทำสินค้าราคาย่อมเยา สำหรับคนที่พึ่งเริ่มต้นชีวิตวัยทำงาน อยากขายสินค้าครบเซ็ตในราคาไม่เกิน 1,000 บาท แต่ได้คุณภาพและคัตติ้งที่ดีด้วย”

หลังจากเริ่มวางขาย ‘ชุดเซ็ตเสื้อสูท-กางเกงเข้าชุด’ ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ยอดขายพุ่งทะยานกลายเป็นสินค้าขายดีอันดับ 1 ของแบรนด์อย่างรวดเร็ว ขายได้เป็นหมื่นๆ ตัวตั้งแต่ช่วงแรก สร้างยอดขายแตะ 5 แสนบาทต่อเดือน จนกระทั่งตอนนี้สินค้าวางจำหน่ายมาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นสินค้าขายดีอันดับ 1 ของแบรนด์ที่มียอดขายหลายแสนตัว

ตั้งแต่นั้นมา fashion_store_offcial ก็ปักหมุดวางเป้าหมายเป็นลูกค้ากลุ่ม ‘วัยทำงาน’ อายุตั้งแต่ 25 ปีเป็นต้นไป เน้นพัฒนาสินค้าจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยมีสินค้าหลายสไตล์ กางเกงหลายแพทเทิร์น มีให้เลือกสูงถึง 15 สี ขายในช่วงราคาตั้งแต่ห้าร้อยบาทไปจนถึงพันต้นๆ

“ถ้านึกถึงสูทต้องนึกถึง fashion_store_offcial ใส่ทำงานได้ ใส่เที่ยวได้ แยกชิ้นกันใช้งานได้ ถ้าหากร้อนก็ถอดสูทออก ใส่แค่เวสท์ได้ ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการออกไปแฮงเอาท์กับเพื่อนๆ”

ช่วงที่แบรนด์เติบโตสูงที่สุด ‘ส้ม’ เล่าว่าเป็นช่วงโควิด เพราะการซื้อสินค้าออนไลน์บูมมาก ประกอบกับร้านตัดสินใจเข้ามาเปิดร้านบน Shopee ด้วย เพราะลูกค้าจำนวนมากสอบถามเข้ามาเรื่อยๆ ว่าจะเข้ามาเปิดร้านใน Shopee ได้ไหม เพราะอยากซื้อผ่านทางนั้นจะได้ส่วนลดด้วย

ส้มที่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่า Shopee จะกลายเป็นช่องทางหลักในการขายสินค้าจึงเลือกตามใจลูกค้า มาเปิดร้านค้าบน Shopee ในที่สุด แต่นั่นอาจเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุด เพราะแค่เดือนแรกส้มก็มียอดขายสินค้าบน Shopee มากถึง 7 หลักแล้ว เรียกง่ายๆ คือสินค้าของ fashion_store_offcial นั้น “แมส” อย่างรวดเร็วบนแพลตฟอร์ม Shopee

โดยไม่ใช่แค่ลูกค้าเก่าที่เป็นเจ้าของคำเรียกร้องให้เข้ามาเปิดบน Shopee แต่ส้มบอกว่า fashion_store_offcial ได้ลูกค้าใหม่ที่กลายมาเป็นลูกค้าประจำของแบรนด์จาก Shopee ด้วยเช่นเดียวกัน จนถึงวันนี้ยอดขายกว่า 60% ของแบรนด์มาจากการขายผ่านทาง Shopee สร้างยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนหลักล้านบาท

เครื่องมือที่ fashion_store_offcial และส้มถนัดมากที่สุดและบอกว่าเห็นผลชัด คือ Shopee Ads ที่ส้มบอกว่ามีส่วนสำคัญสุดๆ ในการสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ แต่นั่นก็ต้องมาพร้อมกับการทำการตลาดของแบรนด์ร่วมด้วย โดยทุกวันนี้ ‘ส้ม’ ก็ยังไลฟ์ขายสินค้าในช่วงเช้าของทุกวันและช่วงเย็นวันศุกร์-อาทิตย์ด้วย เพื่อกระตุ้นยอดขายอยู่เสมอและ ก็ยังเข้าร่วมแคมเปญของ Shopee ในทุกเดือน โดยเฉพาะช่วงกลางปีและปลายปีที่ยอดขายจะเติบโตกว่าปกติเป็นเท่าตัว รวมไปถึงเข้าร่วมร้านค้าส่งด่วน ทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าอย่างรวดเร็วทันใจด้วย

ไม่ใช่ทุกคนที่แค่ตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจ แล้วจะประสบความสำเร็จได้ตลอดรอดฝั่ง ในมุมของ ‘ส้ม’ มองว่า แบรนด์จะต้องรักษาคุณภาพและคงมาตรฐานของสินค้าเอาไว้ให้ได้ ใส่ใจให้เหมือนกับตอนเริ่มต้น เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำและบอกต่อ เพราะในตอนนี้ ‘รีวิว’ ของลูกค้าสำคัญมาก

นอกจากนั้น แบรนด์จะต้องชัดเจนทั้งในรายละเอียดของสินค้า ภาพถ่ายระยะไกลและใกล้ เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เลยไม่ต้องรอแบรนด์ตอบ เส้นทางต่อจากนี้ของ fashion_store_offcial ส้มบอกว่า “จะเน้นช้าแต่ชัดเจน ไปแบบมั่นคงและมีคุณภาพ”

สิ่งใหม่ๆ ที่เราจะได้เห็นในช่วงต่อจากนี้จะเป็นสินค้ากลุ่ม unisex ที่ส้มจะขยายฐานไปจับลูกค้าผู้ชายและลูกค้า LGBTQ โดยการเพิ่มไซส์ใหม่ๆ มากขึ้น

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแบรนด์แฟชันอายุ 12 ปีแบรนด์นี้ถึงสร้างยอดขายรวมแตะ 20 ล้านบาทต่อปี และยังคงเติบโตได้ท่ามกลางคู่แข่งมากมายในวงการแฟชัน

นอกจาก 2 แบรนด์ข้างต้นแล้ว Brand Inside ก็ยังได้รวบรวมกลยุทธ์และเทคนิคของอีก 4 แบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและมียอดขายโดดเด่นบน Shopee มาให้ด้วย

เรียบง่ายแต่เข้าใจลูกค้า ยังเปิดไม่ถึงปี แต่ Twotwice สร้างยอดขาย 8 หลัก

ยอดขายต่อเดือนหลักล้าน แม้พึ่งเปิดร้านบน Shopee มาแค่ 7 เดือนคือความสำเร็จของ Twotwice แบรนด์แฟชันสายเรียบง่าย แต่มีดีเทล เน้นคุณภาพที่ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำ ซึ่งตัดสินใจมาเปิดร้านบน Shopee เพราะอยากให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่า

โดย Twotwice บอกว่าความสำเร็จของแบรนด์บน Shopee มาจาก “รักษามาตรฐานของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ” ควบคู่ไปกับความเข้าใจลูกค้าและการบริการหลังการขาย สร้างรีวิวจากผู้ใช้งานจริง ประกอบกับการใช้เครื่องมือของ Shopee ให้ครบถ้วน อย่างเช่น Shopee Live หรือ Shopee Video

ที่สำคัญแบรนด์ยังเลือกใช้ Shopee Ads และแคมเปญโปรโมท เร่งและขยายการมองเห็นให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น จนสามารถขยับยอดขายขึ้นไปถึง 8 หลักต่อเดือน และสินค้าที่ขายดีที่สุดอย่าง Old Traditional Belt เข็มขัดหนังแท้ที่ร่วมพัฒนากับช่างฝีมือไทยยังขายได้สูงทะลุ 1,000 ชิ้นต่อเดือน

“หนึ่งในสิ่งที่เรามองว่า Shopee ทำได้ดีมาก คือการออกแบบแคมเปญตรงใจผู้ซื้อ แคมเปญของ Shopee ไม่ได้ดึงยอดขายเฉพาะวัน Double Day แต่ออกแบบให้มีโมเมนตัมต่อเนื่องตลอดเดือน ทำให้ลูกค้ากลับเข้ามาดูร้านเราบ่อยขึ้น โดยไม่ต้องรอวันแคมเปญใหญ่”

จากกระเป๋าที่ทุกคนถือ สู่แพลตฟอร์มที่ทุกคนช้อป Rally Movement โตแรงไม่หยุดบน Shopee

ถ้าพูดถึงแบรนด์แฟชันที่กระแสดีที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าจะขาด Rally Movement ไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เห็นคนถือกระเป๋าของแบรนด์กันทั่วเมือง เพราะดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เป็นตัวของตัวเอง คลาสสิคและทันสมัยในเวลาเดียวกัน ทำให้กระเป๋า Rally The Bag และเสื้อผ้าหลายรุ่นของแบรนด์ได้รับความนิยมในเวลาอันรวดเร็ว

โดย Rally Movement เล่าว่าเหตุผลที่เลือกมาเปิดร้านบน Shopee เพราะว่าลูกค้าจำนวนมากเรียกร้องเข้ามาบอกว่าเป็นช่องทางซื้อสินค้าที่สะดวกและใช้อยู่แล้ว เรียกง่ายๆ คือมีกลุ่มลูกค้าที่มี loyalty สูงมากแตกต่างจากช่องทางการขายอื่นๆ

ส่วนกลยุทธ์ที่แบรนด์ใช้ในการทำตลาดจะเน้นทำความเข้าใจลูกค้า เติมสินค้าในสต็อคต่อเนื่อง และพยายามใช้เครื่องมือส่งเสริมการขายที่แพลตฟอร์มแนะนำ อย่างเช่นการไลฟ์ขายสินค้าให้ลูกค้าได้พูดคุยและเห็นสินค้าจริง นำไปสู่การตัดสินใจซื้อได้เลย

นอกจากนั้นในช่วงแคมเปญต่างๆ จะใช้ในการปล่อยสินค้าใหม่หรือโปรโมทร้าน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะกว่าปกติและมีคูปองสนับสนุนจำนวนมาก

โต 5 เท่าบน Shopee เพราะ AIMER ทำโปรให้เหมาะกับแพลตฟอร์ม

อีกแบรนด์ที่มักถูกหยิบยกมาพูดถึงเสมอเวลามีคนมองหาเสื้อผ้าที่คุณภาพแน่น ตัดเย็บเนียบ และสวมใส่ได้ทุกวันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘AIMER’ แบรนด์เสื้อผ้า everyday essential ที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และสามารถเติบโตได้ถึง 5 เท่าหลังเข้ามาขายบน Shopee

ซึ่งแบรนด์บอกว่าเคล็ดลับความสำเร็จมาจาก 3 ปัจจัยอย่าง สินค้า ราคา และโปรโมชัน โดยแนะนำว่าควรใช้โปรโมชันที่ตอบโจทย์ของแพลตฟอร์ม เหมาะสมกับสินค้า และสามารถดึงดูดลูกค้าได้ในเวลาเดียวกัน

AIMER บอกว่า Shopee เป็นแพลตฟอร์มที่เรียบง่าย มีฐานลูกค้าที่มั่นคง รวมถึงมีแผนการปล่อยวอชเชอร์และทีมวิดีโอที่แข็งแกร่ง และมีกลุ่มลูกค้าของ AIMER อยู่แล้ว เป็นเหตุผลให้แบรนด์ถึงเลือกมาเปิดร้านค้าบน Shopee และผลตอบรับออกมาดีเกินเป้าหมาย

wara.official เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ขยายฐานลูกค้าด้วย Shopee

ด้าน wara.official นั้นโลดแล่นในวงการแฟชันมานานเกือบ 10 ปีและเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่โดดเด่นในตลาด ‘ยีนส์’ เพราะลูกค้าหลงรักในคุณภาพวัตถุดิบ การตัดเย็บ และทรงที่ trendy เข้ากับสมัยนิยม

กลยุทธ์ของ wara.official คือลงสินค้าใหม่ทุกเดือน เพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้าอยู่ตลอด เพื่อดึงดูดลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำและขยายฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงกระตุ้นยอดขายผ่านการทำโปรโมชันและไลฟ์ขายสินค้า

โดยทีมของ wara.official บอกว่า จุดเริ่มต้นที่เลือกขยายร้านมาเปิดบน Shopee ก็เพราะอยากเจาะตลาดลูกค้าคนรุ่นใหม่ยังวัยรุ่นเพิ่มขึ้น และจนถึงตอนนี้ก็ขายมาเป็นเวลากว่า 7 เดือนแล้ว แบรนด์ก็ได้ฐานลูกค้าใหม่ที่แต่เดิมไม่เคยมี เพราะจุดแข็งเรื่องสั่งซื้อง่ายและได้คูปองจริงของ Shopee

สิ่งที่ ‘แบรนด์แฟชันไทย’ เหล่านี้มีร่วมกัน ไม่ใช่แค่ความตั้งใจหรือคุณภาพสินค้า แต่คือการมองเห็นจังหวะและเลือกวางตัวเองให้ถูกที่ การเข้ามาบนแพลตฟอร์มอย่าง Shopee ไม่ได้เป็นแค่ช่องทางขาย แต่ยังช่วยสร้างการเติบโตในระยะยาว เมื่อผสานกับการใช้เครื่องมือของแพลตฟอร์มอย่างมีเป้าหมาย การรักษาลูกค้าเดิมและขยายกลุ่มใหม่จึงไม่ใช่เรื่องของ “โอกาส” อีกต่อไป แต่เป็น “กลยุทธ์” ที่ลงมือทำได้จริง โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์สามารถส่งมอบประสบการณ์แบบ ครบ คุ้ม ไว การันตี ที่ช้อปปี้ ให้กับผู้บริโภคได้อย่างสม่ำเสมอ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา