คลังเผยเศรษฐกิจไทย ก.ค. 66 มีปัจจัยบวก ‘ท่องเที่ยว-ภาคบริโภค’ แต่การส่งออกยังหดตัว 

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค. 2566 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่การส่งออกยังคงชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก  และดัชนีความเชื่อมั่นผุ้บริโภคปรับตัวลดลง รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน ในเดือน ก.ค. 2566 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน

  • ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 17.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY)
  • ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ เพิ่มขึ้น 13.0%YoY

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือน ก.ค. 2566 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 55.6 จากระดับ 56.7 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือน

  • ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือน ก.ค. 2566 ลดลง 10.2%YoY  – รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือน ก.ค. 2566 ลดลง 1.6%YoY 

ด้านเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรสะท้อนจาก

  • ปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือน ก.ค. 2566 เพิ่มขึ้น 6.0%YoY และเพิ่มขึ้น 1.8%
  • ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือน ก.ค. 2566 ลดลง 19.9%YoY

ส่วนการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือน ก.ค. 2566 เพิ่มขึ้น 5.6%YoY และเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล  ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 6.9%YoY แต่ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล

 อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกสินค้ายังหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

  • มูลค่าการส่งออกสินค้ารวม (USD) เดือน ก.ค. 2566 อยู่ที่ 22,143.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 6.2%YoY
  • มูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัยจะลดลง 2.0%YoY

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าบางหมวดลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป ยางพารา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และน้ำตาลทราย ปรับตัวลดลง 

อย่างไรก็ดี หมวดสินค้าที่ยังขยายตัวได้ดี เช่น รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง นมและผลิตภัณฑ์นม และสิ่งปรุงรสอาหาร 

ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าส่วนใหญ่ปรับลดลงตาม อุปสงค์ที่ชะลอตัวของประเทศคู่ค้า โดยมองว่ามีหลายตลาดที่ยังคงขยายตัว เข่น อาทิ ตลาดฮ่องกง (9.7%), สหราชอาณาจักร (5.8%), ทวีปออสเตรเลีย (2.4%), และสหรัฐฯ (0.9%) 

ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน พบว่า ในเดือน ก.ค. 2566 ภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น

  • จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 2.49 ล้านคน เพิ่มขึ้น 119.5%YoY (เพิ่มขึ้น 0.3%เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล)
  • ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม ตามลำดับ
  • จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยรวม 19.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18.1%YoY (เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล) 

สำหรับภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือน ก.ค. 2566 เพิ่มขึ้น 2.7%YoY (แต่ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของผลผลิตในหมวดปศุสัตว์และไม้ผล ขณะที่ผลผลิตข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และข้าวโพด ลดลง 

ส่วนภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือน ก.ค. 2566 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 92.3 จากระดับ 94.1 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว 

เสถียรภาพเศรษฐกิจ ในเดือน ก.ค. 2566 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี

  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 0.38%
  • อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.86%
  • ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 อยู่ที่ 61.2% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
  • ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ อยู่ที่ 0.61% ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งหมด

ด้านเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2566 อยู่ในระดับสูงที่ 220,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา – กระทรวงการคลัง

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา