Big Tech แห่ลงทุนดาต้าเซนเตอร์ในไทย รวมกว่า 2.4 แสนล้านบาท ดันกำลังการผลิตโต 3 เท่า ด้านนักเศรษฐศาสตร์เตือนโครงสร้างยังแพ้เพื่อนบ้าน

ประเทศไทยกำลังถูกจับตามองให้กลายเป็น ‘ศูนย์กลางใหม่’ ของดาต้าเซนเตอร์ในอาเซียน 

หลังบรรดา Big Tech ระดับโลก ทั้ง Google, Amazon, Microsoft, และ NVIDIA ต่างเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ และ AI ในประเทศ

‘ศุภรัตน์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา’ รองประธานสมาคมดาต้าเซนเตอร์ไทย ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า การผลิตไฟฟ้าที่รองรับดาต้าเซนเตอร์จะเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 3 ปี จาก 350 เมกะวัตต์ในปี 2567 ไปแตะ 1 กิกะวัตต์ภายในปี 2570 โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 2.4 แสนล้านบาท

สาเหตุเป็นเพราะประเทศไทยมีความมั่นคงด้านพลังงานและแหล่งน้ำ ‘ศุภรัตน์’ จึงคาดว่าจะมีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก เข้ามากระจายการลงทุน และตั้งศูนย์ดาต้าเซนเตอร์ในไทยมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ‘สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน’ (BOI) ก็เร่งดันนโยบาย โดยครึ่งแรกของปี 2568 ได้อนุมัติโครงการด้านเทคโนโลยีแล้ว 36 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.22 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนดาต้าเซนเตอร์

ตลาดโตต่อเนื่อง แต่ยังมีข้อจำกัด

‘วิจัยกรุงศรี’ มองว่า ตลาดดาต้าเซนเตอร์ไทยยังมีศักยภาพขยายตัวต่อเนื่อง โดยรายได้รวมจะเติบโตเฉลี่ย 7.5–8.5% ต่อปี ในช่วงปี 2568–2570 ตามความต้องการใช้คลาวด์ บิ๊กดาต้า และ AI ที่เพิ่มขึ้น

เช่นเดียวกับ ‘Krungthai COMPASS’ ที่ประเมินว่า รายได้จากดาต้าเซนเตอร์ไทย (รวม Colocation และ Public Cloud) จะโตจาก 5.7 หมื่นล้านบาทในปี 2566 ไปถึง 1.5 แสนล้านบาทในปี 2571 หรือโตเฉลี่ยปีละ 21.3% สร้างเม็ดเงินลงทุนกว่า 3.2 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ‘Krungthai COMPASS’ มองว่าไทยยังมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอาเซียน เช่น

  • เคเบิลใต้น้ำ 11 แห่ง (น้อยกว่า ‘สิงคโปร์’ ที่มี 27 แห่ง และ ‘อินโดนีเซีย’ 46 แห่ง)
  • ค่าไฟฟ้าสูงกว่า และเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนได้ยาก
  • สิทธิประโยชน์ภาษี 8 ปี (สั้นกว่า ‘อินโดนีเซีย’ ที่ให้ 20 ปี)
  • บุคลากรไอทีขาดแคลน และกระบวนการอนุมัติการลงทุนใช้เวลานานกว่าเพื่อนบ้าน

ส่วน ‘วิจัยกรุงศรี’ มองปัจจัยที่ท้าทายทั้งในมิติ การใช้พลังงานจำนวนมาก ความเข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อม และการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านที่เสนอมาตรการดึงดูดการลงทุนเชิงรุกกว่า

‘Krungthai COMPASS’ แนะนำว่าหากไทยต้องการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำจริงๆ จำเป็นต้องเร่ง ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย ลดต้นทุนพลังงาน เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี และ ยกระดับทักษะบุคลากรไอที เพื่อแข่งขันกับ ‘สิงคโปร์’ ‘มาเลเซีย’ และ ‘อินโดนีเซีย’ ได้อย่างสมบูรณ์

ที่มา: Bloomberg, วิจัยกรุงศรี, Krungthai COMPASS

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา