เรื่องราวของ “ซอสพริกศรีราชา” ที่โด่งดังในอเมริกา ในที่สุดก็มีขายในไทย !?!?

บางคนอาจจะงงว่า ซอสพริกศรีราชา มีขายในไทยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ บางคนอาจจะพอรู้ว่าด้วยเรื่องราวในอดีตทำให้ “ซอสพริกศรีราชา” กลายเป็นซอสของเวียดนามไป แต่มาวันนี้ ในที่สุด ซอสพริกศรีราชา ก็มีขายในประเทศไทยแล้ว


เรื่องราวในอดีต ก่อนจะโด่งดังไปถึงอเมริกา

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ ขอนำเสนอเรื่องราวโดยย่อ ซอสพริกศรีราชา มีต้นกำเนิดมาจากอำเภอศรีราชาของไทย รสชาติอร่อยและนิยมใช้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศเวียดนาม

และที่ดังไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา เพราะมีคนเวียดนามที่เอาซอสพริกศรีราชาไปผลิตที่อเมริกาด้วยโรงงาน Huy Fong Foods โดยมีสัญลักษณ์เป็นรูป ไก่ตัวผู้ ซึ่งถ้าว่ากันตามอายุของผลิตภัณฑ์ ซอสพริกศรีราชาของไทย มีอายุกว่า 50 ปี แก่กว่าของเวียดนาม (ที่ผลิตในอเมริกา) แน่นอน

ขณะที่ ซอสพริกของไทยจะใช้ชื่อว่า ศรีราชาพานิช มีสัญลักษณ์เป็นรูปพริก มีสูตรเผ็ดมาก เผ็ดกลาง และสูตรเจ


ขายในไทยผ่านออนไลน์ และซูเปอร์มาร์เก็ต

แม้ว่าจะเป็น ซอสพริกศรีราชา ที่ชื่อเหมือนกัน แต่คนละแบรนด์กันแน่นอน ล่าสุด ซอสพริกศรีราชา ของเวียดนาม ประกาศขายในประเทศไทยแล้วผ่านทางเว็บไซต์ Lazada สนนราคาเริ่มต้น 155 บาท (ลดเหลือ 140 บาท) สำหรับขวด 266 มล.

รวมถึงมีการตั้ง Facebook Fanpage โดยใช้ชื่อว่า Huy Fong’s Sriracha Thailand @Sriracha.Sauce.Thailand และเตรียมวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ แล้ว โดยล่าสุดข่าวจากเพจของซอสพริกศรีราชา ระบุว่า มีวางขายที่ซูเปอร์มาร์เก็ต “ริมปิง” ที่เชียงใหม่เรียบร้อย และพื้นที่ถัดไปคือ กรุงเทพมหานคร เรียกว่าประกาศการแข่งขันชัดเจนกับ ซอสพริกศรีราชาพานิช ซึ่งผลิตอยู่ในประเทศไทย


ซอสพริกศรีราชา ดังขนาดไหนในอเมริกา

สำหรับซอสพริกศรีราชา (เวียดนาม) ได้รับความนิยมสูงมากในอเมริกา พบว่าจากปี 2013 ถึง 2015 มียอดขายเพิ่มจาก 60 ล้านดอลลาร์ เป็น 80 ล้านดอลลาร์ คาดว่ามาจากการที Kylie Jenner เซเล็บสาวเอ่ยถึง ซอสพริกศรีราชา ว่ามีเดียวกับเสื้อของเธอ และมีคนกด Like กว่า 1.1 ล้านคนใน Instagram

นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นการใช้ซอสพริกศรีราชาแบบที่แตกต่างออกไป เช่น ใส่ในขนมบราวนี่, ใส่ในก๋วยเตี๋ยว, เฝอ, ใส่ในฮอตดอก, เบอร์เกอร์ หรือแม้แต่ใช้ทำเป็นพวงกุญแจ

ซอสพริก ศรีราชาพานิช

สรุป

ซอสพริกศรีราชา ซึ่งเป็นที่นิยมมากในอเมริกา (เรียกกันด้วยว่าซอสพริกของไทย) แต่มีเจ้าของเป็นคนเวียดนาม กำลังกลับมาบุกตลาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ยินว่ารสชาติจะหวานกว่า ซอสพริก ของไทย ถ้าใครยังไม่เคย จะลองหามาชิมดูก็ได้ และต้องรอลุ้นดูว่า จะสามารถตีตลาดประเทศไทยได้แค่ไหน

ที่มา: bk.asia-city.comMashable.com

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา