โบนัสไม่มี-โอทีไม่ได้-เงินเดือนไม่ขึ้น แถมเสี่ยงตกงานเพราะ AI ‘นักวางแผนการเงิน’ แนะชนชั้นกลางไทย เร่งพัฒนาตัวเอง-เริ่มวางแผนการเงิน

เศรษฐกิจชะลอตัว ภาคธุรกิจลดต้นทุน-ลดกำลังการผลิต กระทบรายได้ ‘คนทำงาน’ โบนัสไม่มี-โอทีไม่ได้-เงินเดือนไม่ขึ้น แถมยังเสี่ยงตกงาน เพราะโดน AI แทน ‘สมาคมนักวางแผนการเงิน’ ชี้ทางรอดคนไทย โดยเฉพาะ ‘ชนชั้นกลาง’ คือ เร่งลงทุนกับตัวเอง เพิ่มความรู้-เสริมทักษะ เริ่มวางแผนทางการเงิน

โบนัสไม่มี-โอทีไม่ได้-เงินเดือนไม่ขึ้น

เรียกว่า “เศรษฐกิจทำชี” ของจริง เพราะ ‘สมาคมนักวางแผนการเงิน’ บอกว่า เศรษฐกิจชะลอตัวเติบโตต่ำ ทำให้ภาคธุรกิจตัดสินใจลดต้นทุน-ลดกำลังการผลิต กระทบมาถึง ‘รายได้’ ของคนทำงาน เพราะทำให้ทุกคนเจอกับสภาวะ โบนัสไม่มี-โอทีไม่ได้-เงินเดือนไม่ขึ้น

นอกจากนั้น ภาคธุรกิจหันยังมาใช้ AI ทำงานแทนคนในหลายๆ ตำแหน่ง คนไทยจึงเสี่ยงตกงานมากขึ้น โดยหลายๆ องค์กรเองก็เริ่มเปิดให้พนักงานสมัครใจเกษียณได้เร็วขึ้นคือตั้งแต่อายุ 45 ปีเป็นต้นไป

สะท้อนสัญญาณว่าคนไทยอาจต้องเผชิญกับ ‘ชีวิตการทำงานที่สั้นลง’ (20–25 ปี) แต่ ‘ชีวิตหลังเกษียณที่ยาวนานขึ้น’ (35–40 ปี) ท่ามกลางสถานการณ์ที่ ‘ภาระหนี้ท่วมหัว’ เพราะสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยต่อจีดีพีสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดยเฉพาะกับเหล่า ‘ชนชั้นกลาง’ ที่เป็นเดอะแบกของครอบครัว มีหน้าที่ดูแลพ่อแม่และครอบครัวของตัวเอง จนทำให้หลายคนเสี่ยงกลายเป็น ‘กลุ่มเปราะบาง’ ได้ง่าย เพราะรายได้หายไป แต่หนี้สินและค่าใช้จ่ายครอบครัวยังอยู่

80% ไม่มั่นใจรับมือ ‘เรื่องการเงิน’

‘วิรรณ ธาราหิรัญโชติ’ นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทยคนแรก เผยข้อมูลจากการสํารวจของ Financial Planning Standards Board พบว่า มีคนเพียง 20% เท่านั้นที่มั่นใจว่ามีแผนการเงินที่ดีสามารถรับมือกับอนาคต-เหตุฉุกเฉิน มีบ้านเป็นของตนเอง มีการวางแผนเกษียณ-การบริหารการเงินของครอบครัว และสามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับผู้อื่นได้

ส่วนคนที่เหลืออีก 80% ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับเรื่องการเงินในชีวิตได้ หรือยังไม่มีแผนที่จะทําให้ตนเองรับมือกับเรื่องการเงินในชีวิตได้

สําหรับนักวางแผนการเงิน คําว่า ‘การเงินดี’ ไม่ได้หมายถึงแค่ตัวเลขในสมุด แต่คือสะพานที่พาเราไปถึงเป้าหมายของชีวิต คือเกราะป้องกันที่ช่วยให้เรายืนหยัดท่ามกลางพายุ และคือพลังที่ทําให้เรามีอิสระในการเลือกอนาคตที่เราอยากเป็น

“โลกวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น เศรษฐกิจผันผวน เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงทุกนาที ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น การจัดการชีวิต วางแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงจึงสําคัญมาก วิกฤติการณ์การเงินโลก การระบาดของไวรัสโควิด-19 มีหลักฐานประจักษ์ชัดว่า คนที่มีการวางแผนการเงินที่ดี ชีวิตมีความมั่นคงกว่า สามารถผ่านช่วงเวลายากลําบาก หรือเหตุไม่คาดฝันในชีวิตได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้วางแผน”

แนะพัฒนาตัวเอง-เสริมทักษะ-ไม่ให้ AI มาแทนเรา

พร้อมแนะนำว่า ขณะนี้ ‘ทางรอดที่สำคัญที่สุด’ คือ ลงทุนกับตัวเอง พัฒนาตัวเอง เพิ่มความรู้ความสามารถและทักษะใหม่ๆ เพราะความรู้หรือประสบการณ์แบบดั้งเดิมอาจใช้ไม่ได้แล้ว สำหรับโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

โดยเฉพาะการมาของ AI ที่กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษย์ ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อมนุษย์ ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็วขึ้น ลึกขึ้นและไปได้ไกลขึ้น หากไม่เร่งพัฒนาศักยภาพตนเอง โดยเรียนรู้เพิ่มพูนทักษะใหม่ๆ มนุษย์อาจถูกเทคโนโลยี AI กลืนกินเล่นงาน และจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่มีความเสี่ยงตกงานก่อนใคร

ใช้ให้น้อยกว่าหา-เก็บออมให้เป็น-ลงทุนแบบมีหลักการ

นอกจากนี้ ยังเสริมอีกว่าต้องรู้จักใช้ชีวิตอย่างมีวินัย ใช้น้อยกว่าที่หาได้-เก็บออมให้เป็น -ลงทุนอย่างมีเป้าหมายและหลักการ แต่ต้องไม่ลืมว่า “เงินไม่ใช่ทุกอย่าง” อย่าเป็นทาสของเงิน และอย่าหลงไหลเป็นทาสของวัตถุ

เพราะคุณค่าที่แท้จริงมิได้อยู่ที่สิ่งที่เราครอบครอง แต่อยู่ที่สิ่งที่เราเป็น การเป็นคนดี ทํามาหาเลี้ยงชีพอย่างสุจริต ตั้งใจทํางานและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ที่สำคัญต้องมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อชีวิตด้วย คือความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นรากฐานที่แท้จริงของความยั่งยืน

อีกหนึ่งอย่างที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือ ‘ความเหลื่อมล้ำ’ เพราะเป็น ‘ระเบิดเวลาของสังคม’ โดยอธิบายว่า แต่ละคนอาจรอดได้ด้วยตนเอง แต่ประเทศชาติจะรอดได้ก็ต่อเมื่อ เรารอดไปด้วยกัน ความไม่สงบและความวุ่นวายในหลายประเทศ มีสาเหตุจากความเหลื่อมล้ำ ทั้งความเหลื่อมล้ำทางฐานะเศรษฐกิจ การศึกษา และความเหลื่อมล้ำทางโอกาส หากไม่ได้รับการดูแลจากรัฐและจากคนในสังคมด้วยกันเองยากที่จะลดลงได้

แนะนำมีเงินฉุกเฉิน-วางแผนเกษียณ

โดย ‘สมาคมนักวางแผนการเงินไทย’ ได้จัดทำข้อแนะนำ ในการรับมือการวางแผนเกษียณ ครอบคลุม 2 กลุ่มหลัก คือ ‘คนทั่วไป’ และกลุ่มคนที่ถูกให้ออกจากงาน ทั้งที่อายุต่ำกว่า 55 ปี และกลุ่มอายุสูงกว่า 55 ปี เพื่อให้คนไทยเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ไม่คาดคิด ดังนี้

1. กลุ่มคนทั่วไป : นอกเหนือจากเงินฉุกเฉิน 6-12 เดือนแล้ว ต้องวางแผนภาษี ลดความเสี่ยงในชีวิต และวางแผนเกษียณควบคู่กันไปด้วย

สำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจะใช้หลัก 4 Magic no. คือ จากรายได้ 100% แบ่งใช้จ่ายดังนี้ 40% นำไปใช้หนี้, 30% ใช้จ่ายทั่วไป, 20% ออมเพื่อตัวเอง และ 10% ทำประกันเพื่อลดความเสี่ยง

นอกจากนี้ต้องไม่เป็นหนี้เกินความจำเป็น และท่องไว้ว่าจะต้องออมก่อนใช้ สุดท้ายใช้หลัก 3 รู้ คือ 1)รู้เป้าหมายชีวิต ลงทุนเพื่ออะไร 2) รู้จักตัวเองว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหน 3) รู้จักเครื่องมือในการลงทุน

2.กลุ่มคนที่ถูกให้ออกจากงาน : ต้องเริ่มจาก

  1. ตรวจสอบสินทรัพย์เพียงพอหรือยัง เมื่อเทียบกับเงินที่ต้องใช้หลังเกษียณ (ได้แก่ สินทรัพย์ต่างๆ, เงินฝาก, PVD, RMF, ภาษี และเงินชดเชยต่างๆที่ได้จากตอนออกจากงาน)
  2. ตรวจสอบภาระหนี้สินที่มีอยู่ ว่ามีหนี้อะไรบ้าง เพื่อนำมาวางแผนเคลียร์หนี้ โดยต้องเคลียร์หนี้ ที่จ่ายดอกเบี้ยสูงก่อนต่ำ
  3. ประมาณการรายได้ กับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในแต่ละเดือน ว่ามีรายรับจากอะไร (เช่น ค่าเช่า, ดอกเบี้ย, เงินปันผล เป็นต้น) และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร หากค่าใช้จ่ายมากกว่ารายรับ ต้องพิจารณาว่าตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นไหนออกได้บ้าง หรือต้องหารายได้เสริม จากความถนัดของตัวเอง หรือต้อง Upskill / Reskill เพิ่ม โดยลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้แบบนี้วนไป จนกว่าจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมด

เพิ่มเติม กรณีที่ 1 คนที่ถูกให้ออกจากงาน ที่อายุต่ำกว่า 55 ปี ต้องทำดังนี้
– ตรวจสอบประกันสุขภาพว่ามีเพียงพอ
– ตรวจสอบสิทธิประกันสังคมที่พึงได้
– ควรคงเงิน PVD และ RMF ไว้ก่อน!!
– พิจารณาว่า จะหางานใหม่ หรือพอแค่นี้

เพิ่มเติม กรณีที่ 2 คนที่ถูกให้ออกจากงาน อายุ 55 ปีขึ้นไป
– การจัดสรรเงินเกษียณ และเงินชดเชยที่ได้ จะบริหารเงินก้อนนี้ยังไง?
– สิทธิรักษาพยาบาล มีอะไรติดตัวบ้าง
– ตรวจสอบสิทธิที่พึงได้จากภาครัฐ เช่น เงินบำนาญจากประกันสังคม, เบี้ยเงินชรา เป็นต้น
– เปรียบเทียบ สิทธิบัตรทอง หรือ ประกันสังคม แบบไหนดีและเหมาะสมกับตัวเองกว่ากัน
– พิจารณาว่า Early Retire หรือทำงานต่อ ถ้าจะทำงานต่อต้อง Reskill ด้านไหนเพิ่มบ้าง

และนี่คือแผนเบื้องต้นจากสมาคมนักวางแผนการเงินที่หวังว่าคนไทยจะรอดจากความเปลี่ยนแปลงของโลกและความผันผวนของเศรษฐกิจด้วย ‘การวางแผนการเงิน’ ล่วงหน้า ก่อนวิกฤตจะมาถึงตัวเราเอง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา