Tesla ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมา โดยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดีบริษัทก็ยังขาดทุนในไตรมาสนี้
วิบากกรรมของบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ยังดำเนินต่อไป เมื่องบของบริษัทในไตรมาส 2 ขาดทุนไปถึง 408 ล้านเหรียญสหรัฐ แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ รวมไปถึงรายได้ของบริษัทแม้ว่าจะเติบโตถึง 59% อยู่ที่ 6,350 ล้านเหรียญสหรัฐก็ตาม โดยไตรมาสนี้บริษัทส่งมอบรถยนต์ไปแล้วกว่า 95,356 คัน อย่างไรก็ดีอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงมาเหลือเพียงแค่ 19% เท่านั้น
ในรายงานงบไตรมาส 2 บริษัทได้กล่าวว่า บริษัทได้เน้นไปที่เรื่องของการขยายโรงงานไปในที่ใหม่ๆ นั่นก็คือในประเทศจีน รวมไปถึงเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ทำให้บริษัทใช้เงินมากขึ้นในไตรมาสนี้ ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมที่จะหาที่ตั้งโรงงานผลิตในทวีปยุโรปคาดว่าภายในไตรมาส 3 น่าจะได้คำตอบของเรื่องนี้
สำหรับเรื่องของการผลิตรุ่น Model 3 ในประเทศจีนบริษัทคาดว่าจะผลิตได้ในปลายปีนี้ ด้วยกำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี ขณะที่การผลิต Model Y คาดว่าจะผลิตได้ในปี 2020 และตอนนี้บริษัทกำลังเริ่มเตรียมตัวแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังได้กล่าวว่าในรุ่นการผลิตนี้จะสร้างกำไรให้กับบริษัทมากกว่า Model 3 ด้วย
ไม่เพียงแค่ไตรมาส 2 ของบริษัทขาดทุนเท่านั้น แต่ในไตรมาส 2 นี้ยังมีผู้บริหารลาออกอีกราย นั่นก็คือ JB Straubel ซึ่งดำรงตำแหน่ง Chief Technology Officer หรือ CTO และยังเป็นผู้ก่อตั้งของบริษัทด้วย นอกจากนี้เขาเองยังเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ให้กับบริษัทด้วย อย่างไรก็ดีเขาเองจะยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของ Tesla ต่อไป
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นของ Tesla ตกลงไป 14% ภายในวันเดียว ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปี หุ้นของบริษัทตกลงไปแล้วกว่า 31% นอกจากนี้ความเห็นของ Dan Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush มองว่า “แม้ว่าบริษัทจะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้น แล้วกำไรหล่ะมีไหม ถ้าสมมติว่าไม่มี Tesla ก็อาจต้องเพิ่มทุนบริษัทอีกรอบ ซึ่งแน่นอนว่านักลงทุนอาจไม่ถูกใจกับสิ่งนี้”
ที่มา – CNBC, Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา