เมื่อต้นปี 2562 ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla เดินหน้าขายรถผ่านช่องทางตลาดออนไลน์เต็มตัว ฉีกธรรมเนียมของโมเดลดีลเลอร์รถยนต์แบบเดิมๆ พร้อมประกาศปิดร้าน และปรับลดพนักงานตามหน้าร้านต่างๆ
แต่ถึงตอนนี้เหมือนยุทธศาสตร์นี้จะไม่เวิร์กอีกต่อไปแล้ว เพราะ Tesla กลับลำ 180 องศา เตรียมปรับปรุงช่องทางการขายรถให้กลับมาเป็นออฟไลน์มากขึ้น กลับมาจ้างพนักงานขายเหมือนเดิมแล้ว
เกมขายผ่านออนไลน์ที่ไม่เหมือนเดิม
การเดินกลยุทธ์จำหน่ายแค่เพียงช่องทางออนไลน์ของ Tesla นั้นเริ่มมาจากการเปิดตัว Model 3 รุ่นเริ่มต้นที่ราคาเพียง 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.06 ล้านบาท) การตั้งราคาเพียงแค่นี้ จึงเหมาะกับการจำหน่ายแค่ช่องทางออนไลน์แบบสุดๆ เพราะส่วนต่างกำไรที่น้อยอยู่แล้ว จะให้มาแบกต้นทุนของการจ้างพนักงานขายหน้าร้าน หรือค่าเช่าร้าน
เหตุนี้จึงทำให้ Tesla ทยอยปิด และลดพนักงานตามสาขาต่างๆ ที่ตนเองมี รวมถึงให้ค่านายหน้ากับเซลล์น้อยลง
แต่หลังจากนั้นไม่นาน Tesla กลับเปลี่ยนแผนบางส่วน โดยเฉพาะกับการปรับเปลี่ยนจำนวนสาขาที่ต้องปิดให้น้อยลง กลับมาจ้างเซลส์ ปรับเปลี่ยนระบบคิดค่าตอบแทนเซลส์ โดยเพิ่มเงินเดือน 20-40% ชดเชยแทนค่าคอมมิชชั่นจากการขายที่หายไป รวมถึงเพิ่มจำนวนพนักงานส่งมอบรถยนต์ไปยังบ้านของลูกค้า เพื่อลดระยะเวลาในการส่งมอบรถยนต์เช่นเดียวกัน
ยังเตรียมกลับมาเปิดหน้าร้าน Tesla Centers เพื่อแก้ปัญหาว่าบางพื้นที่ในสหรัฐอเมริกา มีกฎหมายกำหนดให้จำหน่ายรถยนต์ผ่านดีลเลอร์เท่านั้น ห้ามบริษัทรถยนต์ขายรถให้กับผู้บริโภคโดยตรง
สรุป
กลายเป็นว่ากลยุทธ์การทำตลาดออนไลน์อย่างเดียวของ Tesla อาจไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสักเท่าไรนัก แม้ว่าจะกดราคา Model 3 ออกมาได้จูงใจแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์นี้ก็แสดงให้เห็นว่าโชว์รูมรถยนต์แบบเดิมๆ ก็ยังจำเป็น เพราะนอกจากเป็นสถานที่แนะนำรถยนต์แล้ว ยังเป็นสถานที่ในการส่งมอบรถยนต์ไปที่ต่างๆ รวมถึงบริการหลังการขายด้วย
อ้างอิง // Electrek
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา