ไทยเตรียมรับแรงกระแทก! จีนเริ่มเข็น Temu เข้าเกาหลีใต้ หลังโดนทรัมป์เล่นงานด้วยภาษี

ทรัมป์ เดินหน้าจัดเต็ม ปิดช่องโหว่ด้านภาษีเรียบร้อย!

ล่าสุด แพลฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน Temu บุกตลาดเกาหลีใต้แล้ว หลังทรัมป์ตัดสินใจเซ็นคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) อวสานช่องโหว่ด้านภาษี ด้วยการยุติกฎ de minimis rule แล้ว

Donald Trump

ทำไมต้องปิดช่องโหว่ กฎ de minimis 

กฎ de minimis ที่ว่า ก็คือกฎที่ทำให้สินค้าสินค้าราคาต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 27,000 กว่าบาทได้รับการยกเว้นภาษี

การเดินหน้าแก้กฎหมายนี้เริ่มมาตั้งแต่รัฐบาล Biden และ Harris ที่ต้องการปรับแก้กฎหมายเพื่อปกป้องผู้บริโภคชาวอเมริกัน หลังถูกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีนบุกตลาดสหรัฐ และใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ทางกฎหมายนี้ ดันสินค้าเข้าตลาดทะลุจาก 140 ล้านชิ้นต่อปี พุ่งเป็น 1 พันล้านชิ้นต่อปีภายในรอบ 10 ปีนี้เอง

ทรัมป์เซ็นคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อ 2 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อปิดช่องโหว่ de minimis rule ที่ยกเว้นภาษีให้กับสินค้าราคาต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐ ครอบคลุมสินค้าที่มาจากจีนและฮ่องกง เริ่มมีผลบังคับใช้ 2 พฤษภาคม 2025 เวลา 12.01 น.

รายละเอียดคำสั่งฝ่ายบริหาร ระบุว่า สินค้านำเข้าที่ขนส่งผ่านวิธีอื่นนอกเหนือจากเครือข่ายไปรษณีย์ที่มีมูลค่าเท่ากับหรือต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐ ที่เข้าเกณฑ์ de minimis จะต้องเสียภาษีในอัตราคงที่ 25% หรืออัตราเทียบเท่า 30%

ปี 2024 ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐฯ ระบุว่าสินค้าปลอดภาษีทะลักเข้าสู่ประเทศกว่า 1.4 พันล้านชิ้น โดยสินค้านั้นมาจากจีนราว 60% หลังชาวอเมริกันถูกกดดันจากภาวะเงินเฟ้อรุมเร้า ทำให้สินค้าราคาถูกจากจีนกลายเป็นทางออก ซึ่งจีนก็ใช้ประโยชน์จากการงดเว้นภาษีบุกตลาดสหรัฐฯ

เมื่อสหรัฐฯ แก้เกมด้วยการปิดช่องโหว่ทางภาษี สินค้าจีนที่เคยได้เปรียบทางราคามาตลอดก็เริ่มได้รับผลกระทบ ทำให้จากที่เคยใช่ช่องโหว่ทางกฎหมายดันสินค้าตัวเองเข้าตลาดสหรัฐฯ ตอนนี้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่จีนอย่าง AliExpress, Temu และ Shein เริ่มเจอปัญหากลับบ้างและเริ่มหันไปตีตลาดประเทศอื่นแทน เช่น เกาหลีใต้

ตัวอย่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีนกับการบุกเกาหลีใต้

แพลตฟอร์มจีนเหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในเกาหลีใต้ เฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา AliExpress มีผู้ใช้งานรายเดือนอยู่ที่ 8.73 ล้านราย Temu อยู่ที่ 7.84 ล้านราย ถือเป็นแอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซที่มีคนใช้งานมากเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามหลัง Coupang แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเกาหลีใต้

เจ้าหน้าที่จากแพลตฟอร์มเกาหลีใต้บอก จีนน่าจะเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายในสหรัฐฯ ไว้อยู่แล้ว จึงเริ่มมองหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ คนเกาหลีเอง เมื่อลองใช้แอปหรือแพลตฟอร์มจากจีนแล้วก็มีจำนวนน้อยมากที่จะหวนกลับมาใช้แพลตฟอร์มเกาหลีเหมือนเดิม เพราะความแตกต่างด้านราคามันดึงดูด

เกาหลีใต้จึงแก้เกมด้วยการทำสินค้าให้มีความพรีเมียมมากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อซื้อความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้บริโภค และมองว่า สินค้าคุณภาพสูงระดับพรีเมียมเท่านั้นที่จะทำให้อยู่รอดจากการแข่งขันนี้ได้

การขยายตัวของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีนในเกาหลีใต้

AliExpress จับมือกับ CJ Logistics ยักษ์ใหญ่ขนส่งโลจิสติกส์ในเกาหลีใต้ ร่วมมือกันตั้งแต่พิธีการศุลกากรไปจนถึงการส่งมอบสินค้า

ตามด้วย Temu ประกาศว่าจะบุกตลาดเกาหลีใต้ ด้วยการเซ็นสัญญาเช่าระยะยาวกับศูนย์โลจิสติกส์ในกิมโป พื้นที่ครอบคลุม 165,000 ตารางเมตร ขนาดตึก 11 ชั้น สามารถรองรับระบบขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิได้ (cold-chain) เป็นฮับจิสติกส์หลักที่เชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอินชอน สนามบินกิมโป และท่าเรืออินชอน

ผู้ประกอบการในเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบแน่นอน พวกเขามองว่าแพลตฟอร์มจีนได้รับการเอื้อประโยชน์จากการเป็นธุรกิจต่างประเทศอยู่แล้ว ทำให้สามารถเลี่ยงภาษีบริษัทได้ ต่างจากบริษัทในเกาหลีที่ต้องแบกรับทั้งภาระด้านภาษีและการจ้างงาน

ผู้ประกอบการมองว่าบริษัทจีนควรได้รับการใส่ใจด้วยการถูกตรวจสอบทางกฎหมาย แม้แพลตฟอร์มจีนจะมีออฟฟิศในเกาหลี แต่พวกเขามักจะระบุแค่ที่อยู่ แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนพนักงานหรือเนื้องานที่ทำ มีข้อมูลยืนยันเพียงเล็กน้อย ขาดความโปร่งใสและอาจมีความอันตรายต่อผู้บริโภคได้

ที่มา – The Korea Herald, The White House

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา