ตอนนี้เทคโนโลยีกำลังไล่ล่าเราทุกคนแบบสุดๆ ใครปรับตัวไม่ทัน หลายครั้งเทคโนโลยีก็มาเปลี่ยนแปลงให้ซะเลย เพราะมันอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ทำให้อีริคสัน ทำการสำรวจว่า เทคโนโลยีอะไรบ้างที่จะมาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคใน 10 แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2561 และในอนาคต
แนวโน้มเทคโนโลยีเปลี่ยนมนุษย์
- ผู้บริโภคคาดหวังจะได้ใช้เทคโนโลยีที่ควบคุมด้วยเสียง การแสดงออกทางสีหน้า และท่าทาง
- หูฟังจะกลายเป็นอุปกรณ์ที่ถูกใช้งานทุกวันตลอด 24 ชม. แม้ขณะนอนหลับ
- 51% ของผู้ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR) เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะสามารถทำให้โฆษณาดูเหมือนผลิตภัณฑ์จริงจนไม่สามารถแยกออก
รายงานของ อีริคสัน ชี้ให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนแนวคิดที่ผู้บริโภคคาดหวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตมนุษย์ การใช้ภาษากาย การแสดงออกทางสีหน้า และการออกเสียงสูงต่ำ จะช่วยเสริมการควบคุมด้วยเสียงและสัมผัสระหว่างผู้บริโภคกับอุปกรณ์เทคโนโลยี ทำให้เกิดการปรับตัวได้ง่ายขึ้นในช่วงเวลาที่ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างมาก และต่อไปนี้คือผลสำรวจ
1. ร่างกายของเราคือส่วนต่อประสาน ผู้ใช้งานปัจจุบันมากกว่าครึ่งที่ใช้อุปกรณ์สั่งงานด้วยเสียงมีความเชื่อว่าเราจะใช้ท่าทาง การแสดงออกทางสีหน้า การออกเสียงสูงต่ำ และการสัมผัส ในการทำปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ราวกับเพื่อนมนุษย์ ผู้ใช้งานจำนวน 2 ใน 3 ส่วนคิดว่าแนวโน้มเช่นนี้จะเกิดขึ้นภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
2. เสียงที่ได้ยิน 63% ของผู้บริโภคอยากได้หูฟังที่ช่วยแปลภาษาแบบ real time และ 52% ของผู้บริโภคต้องการที่จะใส่หูฟังเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากการกรนของคนในครอบครัว
3. เรียนรู้ตลอดเวลา ผู้บริโภค 30% กล่าวว่าเทคโนโลยีใหม่ทำให้พวกเขารู้สึกล้าหลัง แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ยังทำให้พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ผู้บริโภค 46% กล่าวว่าอินเทอร์เน็ตทำให้พวกเขาได้เรียนรู้และลืมทักษะต่างๆ เร็วกว่าที่เคยเป็นมา
4. การออกอากาศทางสังคม โซเซียลมีเดียยังคงถูกเผยแพร่ด้วยตัวกระจายภาพและเสียงแบบเดิม แต่ครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้บริโภคกล่าวว่า AI จะมีประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกโพสต์ลงบนโซเซียลเน็ตเวิร์ค
5. โฆษณาอัจฉริยะ การทำโฆษณาสินค้าและผลิตภัณฑ์จะเป็นไปอย่างชาญฉลาด ผู้ใช้งานเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR) จำนวนกว่าครึ่งคิดว่าการทำโฆษณาอัจฉริยะมีความเหมือนจริงมากจนแทบจะสามารถใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์จริงได้เลย
6. การสื่อสารที่แปลกไป ผู้บริโภคจำนวน 50% คิดว่าไม่สามารถบ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรได้ ผู้บริโภคจำนวน 40% ยังถูกหลอกด้วยสมาร์ทโฟนที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบต่ออารมณ์ของพวกเขาได้อีกด้วย เหมือนที่ Brand Inside เคยนำเสนอข่าว Google เลียนเสียงมนุษย์จนแยกไม่ออก
7. สังคมแห่งการผ่อนคลาย 32% ของนักเรียนและคนทำงานคิดว่าพวกเขาไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะทำงานเท่านั้น 40% กล่าวว่าพวกเขาต้องการหุ่นยนต์ที่จะสามารถทำงานสร้างรายได้ให้แก่พวกเขา และยังสามารถมีเวลาพักผ่อนอีกด้วย
8. รูปถ่ายที่อยู่ในห้อง จินตนาการทำให้เราสามารถเดินเข้าไปดูรูปและหวนระลึกถึงอดีตได้ ผู้บริโภคจำนวน 3 ใน 4 เชื่อว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า พวกเขาจะได้ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (virtual reality) เดินเข้าไปดูรูปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนได้
9. ถนนที่อยู่บนอากาศ การจราจรบนถนนทั่วไปในเมืองอาจติดขัด แต่บนท้องฟ้ายังคงมีที่ว่าง ผู้บริโภคจำนวน 39% คิดว่าเมืองของพวกเขาต้องการโครงข่ายถนนสำหรับโดรนและยานพาหนะที่บินได้ อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีความกังวลว่าโดรนจะหล่นลงบนหัวของพวกเขาสักวัน
10. โลกแห่งอนาคต โลกแห่งการเชื่อมต่อย่อมต้องการพลังงาน มากกว่า 80% ของผู้บริโภคเชื่อว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะมีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องที่ชาร์จอีกต่อไป
อาจดูว่ายาก แต่จริงๆ แล้วอุปกรณ์เหล่านี้จะเรียนรู้ผู้ใช้เอง
ไมเคิล บิยอร์น หัวหน้างานฝ่ายวิจัย ห้องปฏิบัติการวิจัยผู้บริโภคของอีริคสัน บอกว่า พวกเรากำลังเข้าสู่ยุคแห่งอนาคตที่อุปกรณ์ต่างๆ จะไม่จำเป็นต้องมีปุ่มเปิดปิดหรือสวิตช์แต่อย่างใด แต่จะถูกควบคุมด้วยระบบดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟนแทน นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นและยากสำหรับผู้คนที่จะต้องเรียนรู้การใช้งานแบบใหม่ในทุกๆ อุปกรณ์ที่ถูกเชื่อมต่อเข้ากับ Internet of Things
อาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก แต่ในอนาคตอุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นฝ่ายเรียนรู้เราเอง เพื่อที่จะประมวลผลไปยังระบบ could และให้การตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติภายในเวลาอันรวดเร็วระดับ 1/1000 ของ 1 วินาที และความต้องการเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นในยุคต่อๆ ไป
ทั้งนี้ข้อมูลในรายงาน 10 แนวโน้มผู้บริโภคปี 2561 มาจากห้องปฏิบัติการวิจัยผู้บริโภคของอีริคสัน ซึ่งทำการวิจัยมามากกว่า 22 ปี และผลสำรวจออนไลน์เกี่ยวกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใน 10 เมืองทีมีอิทธิพลทั่วโลก เมื่อเดือนตุลาคม 2560 การศึกษาในครั้งนี้อ้างอิงจากกลุ่มตัวอย่างประชากรจำนวน 30 ล้านราย ซึ่งเป็นผู้ที่มีการปรับเปลี่ยนได้เร็วกว่าผู้อื่น ทำให้กลุ่มตัวอย่างมีความเข้าใจในการทำแบบสำรวจแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อ่านรายงานฉบับภาษาอังกฤษได้ที่นี่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา