ประเทศจีน มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน แค่มณฑลเดียว หรืออาจจะเมืองเดียว ก็มีประชากรเท่ากับไทยทั้งประเทศแล้ว ดังนั้น หากสามารถนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายได้ คือโอกาสมหาศาลในการสร้างรายได้และการเติบโต เพื่อให้เห็นภาพนี้ชัดยิ่งขึ้น บริษัท เทค อี-บิสสิเนสเซ็นเตอร์ (Thailand e-Business Center) หรือ TeC ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ได้เปิดข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจในจีนได้อย่างน่าสนใจ

TeC ตั้งเป้าพาธุรกิจไทยลุยตลาดโลก เป้าหมายแรก “จีน”
กุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ TeC บอกว่า การทำธุรกิจต้องมองตลาดโลก ซึ่งเป้าหมายที่ต้องไปอันดับแรกคือ จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มี
ดังนั้น TeC จะเข้ามาสร้างธุรกิจแนวใหม่ 3 ด้านคือ 1. Digital Work-Force การสร้างกำลังคนสำหรับธุรกิจดิ
2. Business Expansion การขยายธุรกิจยังต่างแดน ตั้งแต่การจัดการการเข้าพบเหล่
3. E-Business & Technology Training การสร้างองค์ความรู้ให้กับธุรกิ
เปิดภาพธุรกิจจีน กับ 5 ปัจจัยที่ธุรกิจไทยต้องรู้
หลายคนรู้ว่า จีน ก้าวไปสู่ความเป็น Cashless Society มากที่สุดในโลก โดยรัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า จีนจะ Cashless แบบ 100% คือไม่รับเงินสดอีกแล้ว คำถามคือ วันนี้เป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น และธุรกิจไทยที่จะเข้าไปต้องทำอย่างไร
- New Retail หลายปีที่ผ่านมา เราคุยกันเรื่อง Omni-Channel หรือ การผนวกออนไลน์กับออฟไลน์เข้าด้วยกัน แต่สิ่งที่กำลังเกิดในจีน เรียกว่า New Retail หรือ การค้าปลีกรูปแบบใหม่ ที่นอกจากจะเชื่อมออนไลน์กับออฟไลน์แล้ว ยังสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ทันสมัย, สะดวกสบาย รวมถึงมีลักษณะ Shop in Shop สรุปคือ เมื่อเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต ต้องรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน
- Digital Lifestyle คนจีน จำนวนมากมีชีวิตแบบ Digital Lifestyle อย่างมาก นั่นคือทำทุกอย่างผ่าน Mobiel และ Internet
- No Cash คนจีน ใช้ WeChat Pay และ Alipay เป็นช่องทางหลักในการชำระเงิน และลดการใช้เงินสดลงไปเรื่อยๆ โดยรัฐบาลตั้งเป้าว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า จีนจะเป็น Cashless Society 100%
- Blockchain ถือเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ซึ่งจีนจะผลักดันให้มีการใช้ Blockchain ใน FinTech และในทุกธุรกิจ แต่ไม่รวมเรื่อง Cryptocurrency ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายในจีน
- Data และ Big Data หลายคนคิดว่าเรื่อง Data และ Big Data ถูกพูดถึงเยอะแล้ว แต่ในความหมายของจีน หมายถึง การต่อยอดไปสู่เรื่อง Analytics ไปถึง Machine Learning และ AI ในที่สุด
จะขายสินค้าในจีน ต้องทำอย่างไร
เป้าหมายหนึ่งของ TeC คือการหาธุรกิจไทยเข้าไปลุยตลาดจีน และช่องทาง e-Commerce เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งเพราะ คนจีนอยู่บนโลกออนไลน์ 731 ล้านคน ซื้อของออนไลน์ประมาณ 448 ล้านคน มีมูลค่าการซื้อขายเกิดขึ้น 759 พันล้านดอลลาร์ แต่จะเข้าไปทำธุรกิจได้ ต้องเข้าใจและรู้วิธีการ
ตลาด e-Commerce หลักในจีน ได้แก่ Alibaba ที่ครองตลาดแบบ B2B ขณะที่ B2C ประกอบด้วย Taobao, Tmall และ JD.com ซึ่งตลาด B2C นั้นใหญ่มาก แต่การจะเข้าไปขายในตลาดหลักทั้ง 3 แห่งได้ ต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง ซึ่ง TeC สามารถช่วยให้คำปรึกษาได้
“Taobao เป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่จะแข่งขันได้ สินค้าต้องมีราคาถูก หรือมีความแตกต่างจริงๆ จึงจะอยู่รอดได้ ส่วน Tmall จะเน้นสินค้าแบรนด์ และใช้เวลาในการติดต่อประสานงานเข้าไปขาย 3-6 เดือน เช่นเดียวกับ JD.com”
สินค้าไทยอะไรขายดีในจีน แล้วจีนอยากได้อะไรในไทย
กุลธิรัตน์ เล่าให้ฟังว่า สินค้าที่คนจีนนิยมมาก เช่น ชุดเครื่องนอน โดยเฉพาะ หมอนยางพารา ได้รับความนิยมสูงมาก ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัว รวมถึงผลิตภัณฑ์สปาของไทยก็มีชื่อเสียงอยู่มาก
สินค้าแฟชั่นที่มีความเฉพาะของไทย ก็ได้รับความสนใจ ปิดท้ายด้วยผลไม้อบแห้ง ผลไม้อบกรอบ แต่จะเข้าไปทำธุรกิจได้ ต้องเป็นธุรกิจที่มีแบรนด์ มียอดขายขั้นต่ำ 10 ล้านบาทขึ้นไป และต้องได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าด้วย
ขณะที่ประเทศไทย เป็นเป้าหมายของธุรกิจจีน ในการหาตัวแทนเข้ามาทำการค้า หาโรงงานผลิต และศูนย์กระจายสินค้า โกดังสินค้า เพื่อกระจายในภูมิภาคนี้
เร่งสร้างบุคลากรดิจิทัล
อีกหนึ่งปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตแบบ e-Business ได้ คือ การสร้างกำลังคนด้านดิจิทัล ทาง TeC จับมือกับ JobBKK.com จะสร้างหลักสูตรพิเศษให้กั
เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจไทยยุ
ในส่วนสุดท้ายของการขยายฐานธุ
“ TeC มองว่า จีนเป็นประเทศที่น่าจับตามอง จากจำนวนประชากรที่มีสูง มูลค่าการนำเข้าและส่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา