ย้อนรอย…สาเหตุสมาคมธนาคารไทยลดหนี้ลดเงินต้น 50%ให้เกษตรกรที่มาก่อม็อบ

เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ใครที่ผ่านไปย่านอารีย์บางวันจะเห็นกลุ่มม็อบเกษตรกรนั่งตากแดดร้อนระอุใจกลางเมือง ม็อบนี้ต้องการเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ลดหนี้สิน 50% สำหรับเกษตรกรที่มีหนี้เกิน 2.5 ล้านบาทต่อราย แล้วธนาคารจะให้ไหม?

เกษตรกรมีหนี้หลักล้านจากไหน ทำไมมาก่อม็อบ?

เกษตรกรที่ตั้งม็อบประท้วงที่หน้าธนาคารกสิกรไทย อาคารพหลโยธินที่อยู่ย่านอารีย์ ประกาศว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ที่มีหนี้กับธนาคารพาณิชย์ เกิดจากหนี้รุ่นพ่อแม่ที่สะสมมาถึงปัจจุบัน ซึ่งเกษตรกรไม่สามารถชำระหนี้สินได้ทั้งหมด

ขณะเดียวกันหนี้สินเกษตรกรที่ติดไว้ธนาคารก็ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นที่ดินที่ใช้อยู่อาศัยและทำกิน ตอนนี้บางรายที่ค้างชำระหน้ีก้ถูกนำสู่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อยึดทรัพย์ซึ่งทำให้เขาไม่มีที่อยู่อาศัยในอนาคต

แต่สาเหตุหลักที่เกษตรกรมาก่อม็อบครั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ยอมลดเงินต้นไป 50% ให้เกษตรกรที่มีหนี้เกิน 2.5 ล้านบาท จากเดิมที่สมาคมธนาคารไทยเคยให้เงื่อนไขลดเงินต้น 50% กับเกษตรกรที่มีหนี้เพื่อการเกษตรไม่เกิน 2.5 ล้านบาท

สมาคมธนาคารไทย ยืนยันมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เกษตรกรรายย่อยลดต้น 50%

กอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย บอกว่า ข้อเรียกร้องของลูกหนี้เกษตรเพิ่มเติมในครั้งนี้คือต้องการให้ธนาคารสมาชิกรับชำระหนี้เงินต้น 50% ทุกวงเงิน พร้อมยกหนี้ส่วนที่เหลือให้ โดยธนาคารสมาชิกได้พิจารณาเห็นว่าลูกหนี้เกษตรกรที่มีเงินต้นเกิน 2.5 ล้านบาท เป็นลูกหนี้ที่ธนาคารสมาชิกได้ดูแลช่วยเหลือพิเศษเป็นรายกรณีอยู่แล้ว และมีเพียงไม่กี่ราย รวมถึงบางรายมีเงินต้นจำนวนมากเกินกว่าการเป็นเกษตรกรรายย่อย

สมาคมธนาคารไทย (TBA) ยังยืนยันมาตรการเดิมให้ลูกหนี้เกษตรกร (ที่เป็นสมาชิกและขึ้นทะเบียนหนี้กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตร) คือลูกหนี้เกษตรกรรายย่อยที่มีหนี้เพื่อการเกษตร ที่มีเงินต้นไม่เกิน 2.5 ล้านบาท และค้างชำระเกิน 3 เดือนขึ้นไป (เป็น NPL) รวมถึงเป็นหนี้ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2560 สามารถชำระหนี้เงินต้นกับธนาคารสมาชิกเจ้าหนี้ 50% แล้วจะยกหนี้ส่วนที่เหลือให้

นอกจากนี้เคสลูกค้าหนี้เกษตรกรที่ค้างชำระอยู่ จะได้รับการชะลอการดำเนินการทางกฏหมายไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2562 เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรยังคงมีที่ดินทำกินในการหาเลี้ยงชีพได้ต่อไป
 

ธนาคารออกมาตรการช่วยเกษตรกรมาตั้งแต่ปี 2549 แล้ว

กอบศักดิ์ บอกว่า รัฐบาลมีการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิกสมาคมธนาคารก็ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลด้วยดีเสมอมา ทำให้ตั้งแต่ปี 2549-ก.ค. 2561 มียอดช่วยเหลือเกษตรกรผ่าน กฟก. ทั้งหมด 3,206 ราย มูลค่าประมาณ 1,207 ล้านบาท

ตอนนี้มีเหลือลูกหนี้เกษตรกรรายย่อยอีก 692 ราย ซึ่งธนาคารต่างๆ ก็จะช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้กับธนาคารได้โดยตรง ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงที่สมาคมธนาคารไทยกับ กฟก. ตกลงกันไว้แล้ว

“ที่ผ่านมาสมาคมธนาคารไทยได้สนับสนุนการดำเนินนโยบายของภาครัฐและตระหนักถึงการให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ที่มีความเปราะบางในสังคมไทย โดยเฉพาะลูกหนี้เกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม สมาคมธนาคารไทยต้องดูแลรักษาวินัยทางการเงินในภาพรวมของทั้งประเทศ ผลประโยชน์และความเป็นธรรมโดยรวมของทุกฝ่ายควบคู่ไปด้วย”

สรุป

เกษตรกรเรียกว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ รัฐบาลเลยให้ความช่วยเหลือมามากมายตั้งแต่อดีต ทว่าการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลส่วนใหญ่จะเป็นการช่วยเหลือด้วยเงินก้อน แต่ไม่ได้เสริมพื้นฐานของคนกลุ่มนี้ให้แข็งแกร่งขึ้น ถึงเวลาหรือยังที่รัฐบาลจะแก้ไขสภาพแวดล้อมให้ประชาชนที่เป็นรากฐานของไทย มีชีวิตแบบที่ไม่ต้องมาก่อม็อบเพื่อเรียกร้องสิ่งที่อยากได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

จากนักข่าวการเงินหนังสือพิมพ์ธุรกิจย่านประชาชื่น ผันตัวเข้าโลกออนไลน์ ความท้าทายครั้งใหม่คือการเล่าเรื่องเงินให้เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง